This is Islam

1/26/2553

ง่ายๆ


.....................Peace be upon you....................





ง่ายที่จะ...ตัดสินความผิดพลาดของคนอื่น
ยากที่จะ...สำนึกถึงความผิดของตนเอง

ง่ายที่จะ...พูดโดยไม่คิด
ยากที่จะ...ไม่พูด
ง่ายที่จะ...ทำร้ายคนที่รักเรา
ยากที่จะ...เยียวยาบาดแผลที่เราทำไว้กับเขา

ง่ายที่จะ...อภัยให้คนอื่น
ยากที่จะ...ขอให้คนอื่นอภัยให้

ง่ายที่จะ...ตั้งกฎเกณฑ์
ยากที่จะ...ทำตามกฎนั้น 


ง่ายที่จะ...ฝันทุกค่ำคืน
ยากที่จะ...สู้เพื่อฝันนั้น 


ง่ายที่จะ...อวดความสำเร็จ
ยากที่จะ...ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี 


ง่ายที่จะ...ชื่นชมความงามของดวงจันทร์
ยากที่จะ...เห็นอีกด้านของมันที่ไม่สวยงามนัก 


ง่ายที่จะ...สะดุดหกล้ม
ยากที่จะ...ลุกขึ้นมาใหม่
ง่ายที่จะ...มีความสุขในทุกวัน
ยากที่จะ...เห็นคุณค่าที่แท้จริงของความสุขนั้น 


ง่ายที่จะ...สัญญากับใคร ๆ
ยากที่จะ...ทำตามสัญญานั้น
ง่ายที่จะ...บอกว่ารัก
ยากที่จะ...แสดงความรักนั้น

ง่ายที่จะ...วิจารณ์คนอื่น 

ยากที่จะ...ปรับปรุงตนเอง 

ง่ายที่จะ...ทำผิด
ยากที่จะ...เรียนรู้จากความผิดนั้น

ง่ายที่จะ...คิดที่จะปรับปรุง
ยากที่จะ...เลิกคิด แล้วทำให้มันเกิดขึ้นจริงซะที
ง่ายที่จะ...คิดกับคนอื่นในแง่ร้าย
ยากที่จะ...ให้โอกาส และคิดว่าเขาอาจจะไม่เป็นเช่นที่เราคิด
ง่ายที่จะ...รับ
ยากที่จะ...ให้

ง่ายที่จะ...รักษาความเป็นเพื่อนด้วยคำพูด
ยากที่จะ...ทำตามความหมายของคำว่าเพื่อน


มันไม่ง่ายไม่ยากหากแต่ทำมันต่างหาก ทำด้วยจิตใจที่แข็งแรงปราศจากเสียงกระซิบ



read more...

ความประเสริฐของเดือนรอญับ : แบบฉบับและบิดอะห์

 ในบ้านเรามักจะมีการปฏิบัติที่สวนทางกับซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงต้องมีข้อตักเตือน แนะนำ ให้ปรับปรุงและแก้ไข และในเดือนรอญับจะมีบางกลุ่มบางคนที่นิยมทำอิบาดะฮฺพิเศษในเดือนรอยับ เช่น การถือศีลอด หรือการละหมาดบางชนิดที่ไม่มีแบบฉบับจากท่านนบี พฤติกรรมดังกล่าวบรรดาอุละมาอฺสั่งสอนให้ละทิ้งและหลีกเลี่ยง เพราะเป็นอุตริกรรมที่ค้านกับหลักการศาสนา แต่ถ้าหากว่าจะให้เกียรติเดือนนี้ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบรรดาเดือนที่ต้องห้าม(อัลอัชฮุรุลหุรุม) หรือจะปฏิบัติอิบาดะฮฺตามปกติก็ย่อมจะไม่มีปัญหา แต่อย่าให้เดือนรอยับเป็นเดือนแห่งเทศกาลประเภทหนึ่งประเภทใด มีฟัตวา(คำชี้แจง)จากท่านเชคอับดุลอะซีซ บินบาซ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ อดีตมุฟตีแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่ได้พูดถึงประเด็นนี้ไว้ 

            ท่านเชคอับดุลอะซีซ บินบาซ ได้ถูกถามว่า บางคนจะปฏิบัติอิบาดะฮฺบางชนิดในเดือนรอญับโดยเฉพาะ เช่น การละหมาดรอฆออิบ หรือการฉลองค่ำคืน 27 ของเดือนรอยับ ขอเรียนถามว่า การปฏิบัติดังกล่าวมีรากฐานแห่งบทบัญญัติศาสนาหรือไม่ ? ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนท่าน

             คำตอบ : การละหมาดรอฆออิบหรือการฉลองค่ำคืนที่ 27 เดือนรอยับโดยเฉพาะ ซึ่งอ้างว่าเป็นคืนแห่งอิสรออฺและมิอฺรอจนั้น การกระทำดังกล่าวเป็นบิดอะฮฺ(อุตริกรรม)ทั้งสิ้น ซึ่งไม่อนุญาตให้ปฏิบัติ และไม่มีรากฐานในบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม และบรรดานักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนในสิ่งเหล่านี้ และเราได้บันทึกฟัตวา(คำชี้แจง)ในเรื่องเหล่านี้หลายครั้ง และระบุว่าการละหมาดรอฆออิบ(ซึ่งมักจะปฏิบัติในคืนวันพฤหัสสัปดาห์แรกของเดือนรอยับ) และการฉลองในคืนที่ 27 โดยมีความเชื่อว่าเป็นคืนที่เกิดเหตุการณ์อิสรออฺและมิอฺรอจ ทุกประเด็นดังกล่าวเป็นบิดอะฮฺและไม่มีหลักฐานยืนยันในศาสนา ส่วนคืนอัลอิสรออฺและมิอฺรอจที่แท้จริงก็ไม่มีหลักฐานกำหนดวันแห่งเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลระบุถึงวันดังกล่าว ก็ไม่อนุญาตให้ฉลองในค่ำคืนนั้น เพราะเป็นสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยปฏิบัติ แม้กระทั่งบรรดาคุละฟาอฺรอชิดูนผู้นำสูงสุดในบรรดาสาวกนบีและศ่อฮาบะฮฺอื่นๆ ก็ไม่เคยฉลองเช่นเดียวกัน

              ความประเสริฐอย่างยิ่งในศาสนานั้นคือการปฏิบัติตามแนวทางที่อัลลอฮฺตรัสไว้มีความว่า “บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุฮาญิรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศอรจากมะดีนะฮฺ) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น อัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง” (อัตเตาบะฮฺ 100)

         และมีฮะดีษศ่อฮี้ฮฺจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า

(( من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد ))
         ความว่า “ใครก็ตามที่นำเสนอสิ่งใดในกิจการของเรา (ศาสนาของเรา) ซึ่งไม่มีปรากฏ สิ่งที่ถูกเสนอนั้นต้องถูกปฏิเสธ” (บันทึกโดยบุคอรียฺและมุสลิม)

        และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อปราศรัยทุกครั้งจะยืนยันในคำกล่าวซึ่งมีใจความว่า
(( فإن خير الحديث كتاب الله وخير الهدى هدى محمد صلى الله عليه وسلم وشر الأمور محدثاتها وكل بدعة ضلالة ))
        ความว่า “ถ้อยคำอันประเสริฐคือคัมภีร์ของพระองค์อัลลอฮฺ และทางนำอันประเสริฐคือทางนำของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกิจกรรมอันชั่วร้ายคือกิจกรรมที่เป็นบิดอะฮฺ(อุตริกรรม) และบิดอะฮฺทุกชนิดเป็นฏอลาละฮฺ(การหลงผิด)” (บันทึกโดยอิมามมุสลิม)

              เพราะฉะนั้น เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับบรรดามุสลิมีนทั้งปวง ที่ต้องปฏิบัติตามซุนนะฮฺ และยืนหยัดในแนวซุนนะฮฺดังกล่าว และตักเตือนซึ่งกันและกันในการอนุรักษ์ซุนนะฮฺของท่านนบี พร้อมกับให้มีความระมัดระวังจากบิดอะฮฺต่างๆ โดยปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสไว้มีความว่า “และพวกเจ้าจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรมและความยำเกรง”

          ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน” (ซูเราะฮฺอัลอัศรฺ 1-3)

           และตามคำกล่าวที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า “ الدين النصيحة ศาสนาคือการตักเตือน”
          ท่านถูกถามว่า “ตักเตือนให้แก่ใคร โอ้ร่อซูลของอัลลอฮฺ”
          ท่านตอบว่า لله ولكتابه ولرسوله ولأئمة المسلمين وعامتهم“ ตักเตือนเพื่ออัลลอฮฺ คัมภีร์ของพระองค์ ร่อซูลของพระองค์ และให้บรรดาผู้นำและบรรดามุสลิมีนทั่วไป” (บันทึกโดยอิมามมุสลิม)

          สำหรับการประกอบอุมเราะฮฺในเดือนรอญับก็ไม่มีปัญหา ดังที่มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุอุมัร ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยประกอบอุมเราะฮฺในเดือนรอญับ (บันทึกโดยบุคอรียฺและมุสลิม) และท่านอิมามอิบนิรอญับ ได้ระบุในหนังสือ “อัลละฏออิฟ” ว่า ท่านอุมัรและบุตรของท่าน และท่านหญิงอาอิชะฮฺได้ประกอบอุมเราะฮฺในเดือนรอญับ และในหนังสือดังกล่าวมีระบุว่า ท่านมุฮัมมัด อิบนุซีรีน รายงานจากบรรดาสะลัฟว่า เขาก็กระทำเช่นนั้น วัลลอฮุวะลียุตเตาฟีก (ฟัตวานี้ตีพิมพ์ในวารสารอัดดะอฺวะฮฺ ฉบับ 1566 เดือนญุมาดาอัลอุครอ ฮ.ศ.1417)
--------------------------

เขียนโดย ISLAMINTHAILAND
read more...

1/25/2553

Some idea about love.


Some idea about love.


Somebody loved because of Passion.
Somes loved by fashion.
Somes loved begin with anger.
Somes loved begin with pain.
And some loved maybe fake.

All of that is love of ordinary people
Some of them wise, some fool
And some of them pay his live for his love
But few of them use their clever in love. 
Great loved begin with study.
Great loved fill with caring.
Great loved fill with respect.
And Great love will bring you forward...
But to where or to whom........
You may have someone in you heart
To give your great love and spend it.
And i have something to tell you 
"This is not a Love poem."
Be remember where you are.
Be remember who you are.
Be remember how old are you.
Be remember who create you.
If you've realized that already.
I know exacty that who....
Who you will spend your great love with.
He is The One, who will justice you
That you suitable for his heaven or not.
I hope that who've red this poem...
Will spend his or her love for The Might God
Our God, of ISLAM, The truly religion.
And he will be with the one who love him
Not forget him, and serve him as a good servant.
May Allah be with Everyone. 
And thank you for read till the end. Alhamdullilah.
Waslam.
read more...

10 ประการ ... ที่เราได้ทำให้มันสูญเปล่า

         10 ประการ ... ที่เราได้ทำให้มันสูญเปล่า

         โดย อิบนุ กะษีร


          นะญาฮฺ แปลและเรียบเรียง


1. ความรู้ของเรา - สูญเปล่า โดยการไม่นำมันไปสู่การปฏิบัติ


2. การกระทำของเรา – สูญเปล่า โดยการกระทำที่ปราศจากความจริงใจ(ต่ออัลลอฮฺ)


3. ทรัพย์สมบัติของเรา - สูญเปล่าโดยการใช้ไปในทางที่ไม่นำมาซึ่งรางวัลหรือผลตอบแทน เงินทองของเรา ตำแหน่งของเรา อำนาจของเรา สูญเปล่าไปกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ในชีวิตนี้และในอาคีเราะฮฺ


4. หัวใจของเรา - สูญเปล่า เพราะมันปราศจากความรักในอัลลอฮฺและความรู้สึกมุ่งหวังที่จะไปสู่พระองค์ ปราศจากความรู้สึกสงบและความพอใจ ในหัวใจของเรายังเต็มไปด้วยบางสิ่งบางอย่างและใครบางคนนอกเหนือไปจากพระองค์


5. ร่างกายของเรา - สูญเปล่าเพราะไม่ได้ใช้มันในการอิบาดะฮฺ และรับใช้อัลลอฮฺ


6. ความรักของเรา - สูญเปล่า เพราะความรู้สึกรักของเราถูกนำไปในทางที่ผิด ไม่ได้นำไปสู่อัลลอฮฺ แต่กลับให้ไปกับบางสิ่งบางอย่างและใครบางคน


7. เวลาของเรา – สูญเปล่า โดยถูกใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยไม่มีการชดใช้ในสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้ว ด้วยการกระทำสิ่งทีดีงาม เพื่อชดเชยการกระทำในอดีตที่ผ่านไป


8. สติปัญญาของเรา – สูญเปล่า เพราะใช้ไปในสิ่งที่ล้วนไม่เป็นประโยชน์ สร้างความเสียหายต่อสังคมและ ปัจเจกชน โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา


9. การรับใช้ของเรา – สูญเปล่า เพราะรับใช้ใครบางคนที่ไม่ได้นำเราไปสู่การใกล้ชิดอัลลอฮฺ หรือเป็นประโยชน์ในดุนยา


10. การซิกรฺของเรา (การรำลึกถึงอัลลอฮฺ) - สูญเปล่า เพราะมันไม่ได้ก่อให้เกิดผลอะไรกับตัวเราหรือหัวใจของเราเลย


จากเว็ปไซด์ www.tawbah.org
read more...

"ไสยศาสตร์" สิ่งใกล้ตัวที่มุสลิมต้องระวัง

สรุปย่อการบรรยายเรื่องไสยศาสตร์ โดยเชคริฎอ อะห์หมัด สะมะดี ณ มัสยิดบ้านตึกดิน 24 มิถุนายน 2550

• ในปัจจุบันเรื่องไสยศาสตร์นั้นเป็นสิ่งใกล้ตัวกับเรามาก แม้แต่มุสลิมจำนวนไม่น้อยก็ต้องประสบกับสิ่งๆนี้ ยกตัวอย่างเช่น เราไปเดินสนามหลวง ก็จะเจอกับพวกหมอดูมากมาย หรือ แม้แต่ที่ท่าพระจันทร์ก็มีแผงขายพระเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งสำคัญสองอย่างที่จะช่วยให้มุสลิมห่างไกลจากไสยศาสตร์เหล่านี้ก็คือ 1.อีหม่าน และ 2. ความรู้
• ในอายะห์ที่ 102 ของซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ ได้แสดงให้เห็นว่าในอิสลามก็มีการกล่าวถึงวิชาว่าด้วยไสยศาสตร์ ว่าเป็นศาสตร์ของขัยฏอน และเป็นการปฏิเสธการศรัทธา นอกจากนี้อายะห์นี้ยังบอกอีกว่า วิชาไสยศาสตร์มีมาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยบาบิโลน ขณะที่ในสมัยฟิรเอาว์ก็เคยมีการนำวิชาไสยศาสตร์มาต่อกรกับนบีมูซาเช่นกัน

• สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนหันไปพึ่งสิ่งไสยศาสตร์นั่นก็คือ พื้นฐานอีหม่านไม่เข้มแข็ง รวมถึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องศาสนา

• ที่ซาอุดีอาระเบียมีชัยค์อัลมุห์ซิน อัลอุบัยกาน (แม้แต่คนซาอุฯเองที่มีความรู้สูงก็ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้) เคยออกฟัตวาออกมาว่าคนที่โดนไสยศาสตร์สามารถไปหาหมอไสยศาสตร์มารักษาได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้เชคคนนี้ยังเคยฟัตวาออกมาว่าการที่สหรัฐบุกอิรักนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการญิฮาด เพราะหากเราอยู่เฉยๆ ทหารสหรัฐฯก็จะไม่ทำอะไร ทั้งๆที่สหรัฐได้บุกประเทศของชาวอิรัก

• ศาสนาอนุญาตให้ใช้การอ่านกุรอ่านและการขอดุอาอ์ เพื่อให้รู้ว่าของไสยศาสตร์ที่โดนทำมาถูกซ่อนอยู่ที่ไหน (ญินที่อยู่ในร่างจะยอมบอกว่าของอยู่ไหน) เราจะได้ไปนำออกไปได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววิธีการรักษาด้วยอัลกุรอ่านนั้นมักจะได้ผล

• ที่มอร็อกโก มีเมืองซุสส์ (เป็นการถอดชื่อเมืองจากการฟังบรรยาย ถ้าหากผิดพลาดขอมอัฟด้วย - ผู้สรุป) จะมีนักไสยศาสตร์อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นตามทางเดิน บางคนถึงขั้นเปิดเป็นออฟฟิศและมีการกำหนดอัตราค่ารักษาเป็นเรื่องเป็นราว

• ในซูเราะห์อัลอันอาม อายะห์ที่ 128 ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับญิน ในเรื่องไสยศาสตร์ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วอัลลอฮได้แยกมนุษย์กับญินอย่างชัดเจน แต่มนุษย์หวังประโยชน์จากญินในการเสริมสร้างอำนาจและบารมี ขณะที่ญิน หรือชัยฏอนก็จะหวังประโยชน์จากมนุษย์ด้วยการให้มนุษย์นั้นออกจากความเป็นมุสลิม ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างต้องการประโยชน์ซึ่งกันและกัน

• บางครั้งเราอาจจะเคยได้ยินการพูดถึงคนที่เลี้ยงญิน ซึ่งสามารแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ

1. พวกที่มีญินอยู่ในบ้าน ซึ่งจะมีทั้งญินกาเฟร หรือ ชัยฏอน และญินที่มุสลิม ซึ่งเราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวใดๆ จากญินนี้ บางครั้งญินกาเฟรอาจจะมาหลอกหลอน ซึ่งบางคนอาจจะชอบก็ได้ โดนการปล่อยให้อยู่ในบ้าน ไม่อ่านกุรอ่านให้มันออกไป ขณะที่ญินมุสลิมบางครั้งก็อาจจะมาปลุกเราละหมาด หรือว่าตอนที่เราละหมาดอาจจะรู้สึกว่ามีบางอย่างมาละหมาดตามด้วย ซึ่งถ้าใครที่จิตใจอ่อนแอ ก็สามารถอ่านกุรอ่านและเชิญให้ญินมุสลิมออกไปพวกเขาก็จะออกไป

2. การเลี้ยงญินที่มีการผูกมัด ซึ่งพวกนักไสยศาสตร์จะอยู่ในกลุ่มนี้ พวกเหล่านี้จะใช้วิธีในการติดต่อด้วยการใช้ภาษาโบราณที่พวกญินใช้สื่อสารกัน พวกชัยฏอนก็จะใช้ให้มนุษย์ตกเป็นกาเฟรก่อนที่จะใช้งานพวกมันได้ วิธีง่ายๆก็ด้วยการกราบไหว้กับมัน แต่บางครังชัยฏอนก็จะวางเงื่อนไขด้วยวิธียากๆ อย่างต้องใช้ศพในการประกอบพิธี ต้องใช้อวัยวะของมนุษย์ ใช้เด็ก ใช้ประจำเดือนมาเขียนเป็นกุรอ่าน หรือบางครั้งชัยฏอนจะใช้ให้เอากุรอ่านไปขยี้ผสมกับสิ่งปฏิกูล

• สำหรับไสยศาสตร์มีสองประเภทหลักๆคือ
1. ไสยศาสตร์เพื่อทำลายผู้อื่น คือการนำไสยศาสตร์มีเป้าหมาย เพื่อให้ชัยฏอนไปทำร้ายคนที่เราต้องการ เช่นการทำของตามคำสั่งของชัยฏอนด้วยการทำของ แล้วมันก็จะไปทำตามคำสั่ง อย่างเช่นอยากให้คนนั้นเลิกกับคนนี้ อยากให้คนนั้นมาเป็นของเรา (การทำเสน่ห์) ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นของที่ทำนั้นพวกนักไสยศาสตร์จะเขียนเหมือนอายะห์กุรอ่าน แต่แท้ที่จริงแล้วให้ระมัดระวังให้ดี อาจจะเป็นการเขียนข้อความบิดเบือนกุรอ่าน หรือเป็นคำที่ใช้สรรเสริญชัยฏอนก็ได้ ถึงแม้จะเป็นภาษาอาหรับก็ตาม นอกจากนี้ยังมีของที่พบเห็นเป็นส่วนมากอย่างเช่นการทำปมเชือกแล้วเป่าลงไป ซึ่งในอายะห์ที่ 4 ของซูเราะห์อัลฟะลัก มีการกล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งวิธีการแก้ก็คือ ขณะที่เราจะฉีก หรือแก้ปมเชือกก็ให้เราอ่านอายะห์กุรซี และ กุล 3 กุล (อัลอิคลาส,อัลฟะลัก,อันนาซ)

2. ไสยศาสตร์ที่ใช้ในการติดต่อญิน อย่างพวกหมอดู ที่จะใช้ญินในการเอาข้อมูลต่างๆ มา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหมอดูจะใช้ญิน ให้มาถามข้อมูลจากญินที่ติดตามตัวเรา แล้วญินของหมอดูก็จะไปบอกหมอดูว่าเราเป็นใครมาจากไหน ท่านนบีมุฮัมหมัดเคยบอกซอฮาบะห์ว่าทุกคนมีญิน ซึ่งแม้แต่นบีเองนบีก็มี แต่ท่านนบีได้สอนให้มันเข้ารับอิสลามแล้ว นอกจากนี้แล้ว การเล่นผีถ้วยแก้วก็เป็นไสยศาสตร์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัวที่มุสลิมต้องระมัดระวังและห่างไกล โดยที่ในปัจจุบันมีการทำแผ่นกระดานออกมาเป็นเป็นเกมเล่นกันอย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งในยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศอาหรับเอง

• สรุปไสยศาสตร์เป็นสิ่งใกล้ตัวมุสลิมมากที่เราจะต้องเผยแพร่ และตักเตือนให้มุสลิมระมัดระวังพร้อมทั้งศึกษาหาความรู้ หากมองเปรียบเทียบกันแล้ว มีหมอไสยศาสตร์อยู่เป็นจำนวนมากในสังคมปัจจุบัน แต่มีมุสลิมไม่เท่าไหร่ที่จะมีความเข้าใจในการรักษา และป้องกันไสยศาสตร์แบบนี้ตามหลักกิตาบุลเลาะห์และซุนนะห์ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยมากในสังคมมุสลิม

การสรุปการบรรยายในครั้งนี้ เป็นการสรุปจากการจดบันทึก ไม่ใช่การถอดคำพูดโดยตรง หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้สรุปขออภัยโทษต่อพระองค์อัลลอฮ ผู้ทรงกรุณปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ และหากบุคคลใดได้ฟังบรรยายในวันนั้นและต้องการเพิ่มเติม แก้ไขส่วนใดขอเชิญต่อลงในกระทู้ได้ตามอัธยาศัย


จากบอร์ดใน www.muslimthai.com
read more...

"รักแท้"แน่หรือ?‏

"รักแท้"แน่หรือ?


เมื่อความรัก ผ่านมา และทักทาย
ก็ไม่วาย คิดมาก ใช่รักไหม
เพราะการมา ทำให้ ไหวหวั่นใจ
อยากรู้ใช่ รักไหม ช่วยตอบที

อันเรื่องนี้ ไม่เก่ง แต่อยากบอก
ตอบไม่หลอก ว่าอาจ มั่วนะนี่
แต่ก็อยาก จะบอก กับคนดี
คือคนที่ ถามมา ตอนต้นไง

อันเรื่องนี้ ความจริง มีอยู่ว่า
คนถามมา ส่วนใหญ่ มักสงสัย
เพราะไม่เคย ได้พบ ให้หวั่นใจ
ความรักไม่ เคยมา ให้ระทม

หรืออีกพวก เป็นคน เคยรักคุด
มิอาจหยุด หวาดหวั่น ตามเหมาะสม
เคยมีรัก แต่มัก ไม่น่าชม
ต้องขื่นขม จึงต้อง ระวังตัว

ไม่ว่าเป็น พวกใด หนึ่งในสอง
จะให้ลอง มาตาม ทางสลัว
ไม่สว่าง ทางแจ้ง แต่อย่ากลัว
เพราะความกลัว มอมมัว ให้ใจตาย

อย่าไปกลัว ถ้าคิด จะเริ่มรัก
อย่าคิดหนัก หวังมาก ดั่งใจหมาย
แค่ปล่อยตัว ปล่อยใจ ตามสบาย
ให้มันคล้าย ปกติ ที่เป็นมา

ให้เวลา เป็นเครื่อง พิสูจน์รัก
แจ้งประจักษ์ ได้รู้ ตรองดูหนา
ความรักจริง ไม่อิง กาลเวลา
ไม่เกี่ยวว่า กลัวแก่ ก่อนสมใจ

เพราะความรัก ถึงจุด ไม่หยุดแน่
เป็นคู่แท้ อย่างไร ไม่ไปไหน
ถ้าคู่ถูก กำหนด กฎเกณฑ์ไว้ (ตามพระประสงค์ของพระองค์อัลลอฮฺ )
สองดวงใจ ย่อมผูก เป็นคู่กัน

แต่อย่าลืม ดุอา ขอเป็นนิจ
อย่าไปคิด ชะตา ลิขิตฉัน
แม้ชีวิต จะถูก กำหนดพลัน
ตั้งแต่วัน รั๊วะเข้า วิญญาณมี

เราไม่รู้ ว่าถูก จดแบบไหน
ตามที่ใน บันทึก ชีวิตนี้
ดังนั้นเรา จึงควร อย่ารอรี
ขอทุกที หลังนมาซ อย่ารีรอ

ขอดุอา ให้ได้ สมดังหมาย
คู่เคียงกาย อีหม่าน แข้มแข็งหนอ
ขอให้ได้ คู่เคียง ที่ดีพอ
ชีวิตหนอ มีสุข ชั่วนิรันดร์

ถึงตรงนี้ คงพอ ได้คำตอบ
ว่าความชอบ ความรัก ความหลงนั้น
จะรู้ได้ ควรให้ เวลากัน
อย่าหุนหัน พลันแล่น จนเกินงาม

ใช้เวลา เป็นเครื่อง พิสูจน์รัก
และต้องหนัก ดุอา อย่าพลีผลาม
ขอให้ได้ คนดี ใช่ได้ตาม
คนที่ความ ชอบใจ เรามีเอย


อย่าลืมว่า ความรักที่แท้จริงนั้นเกิดหลังการแต่งงานเท่านั้น ส่วนความรู้สึกดีๆที่มีก่อนการแต่งงานนั้นก็จำเป็นต้องมี... แต่เป็นเพียงความพึงพอใจซึ่งกันและกันเท่านั้น ยังมิใช่ความรัก บางทีเราอาจเอาคำว่า "รัก" มาใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อเกินไปเพราะค่านิยมบางอย่าง แต่อิสลามให้ค่าของความรักไว้สูงกว่านั้น คำว่า"รัก"ในอิสลามไม่ได้เกิดง่ายดายเหมือนอย่างที่วัยรุ่นส่วนมากชอบนำมาใช้ แต่คนสองคนจะผูกพันกันจนเป็นความรักที่แท้จริงได้ก็เมื่อแต่งงานสร้างครอบครัวตามหลักการอิสลาม ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เผชิญปัญหาต่างๆจนเข้าอกเข้าใจกัน ความผูกพันที่ลึกซึ้งอย่างนี้ถึงเป็นความรักในอิสลาม ไม่ใช่การพูดคุยกันเพียงผิวเผิน การรู้จักกันฉันท์เพื่อนเพียงสองสามปี หรือการคบหาเป็นแฟนอย่างที่กาเฟรฺชอบทำกัน

สุดท้ายขอฝากคำว่า "ความพึงพอใจ" ไว้ใช้แทนความรู้สึกดีๆก่อนแต่งงาน อย่าเอาคำที่มีค่าสูงส่งมาใช้ก่อนเวลาอันควร เพราะจะทำให้เราหลงคิดไปว่ามันจริงทั้งๆที่มันยังไม่จริง ก่อนถึงวันแต่งงาน... ขอแค่เพียง ความพึงพอใจ ไว้ก่อน แม้ความหมายจะไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้คนเรารักษาอีมานและดูแลจิตใจตัวเองได้ง่ายกว่า ถ้าสุดท้ายที่เคยพึงพอใจจะกลายเป็นรักได้ก็ชูโกรฺขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ซ.บ. แต่ถ้าไม่ใช่ก็ยังอดทนได้ ไม่เสียความรู้สึกมาก





จาก Fw mail.. คัดลอกจาก spacesของพี่น้องคนหนึง
read more...

1/19/2553

A message to muslims

Say assalamualaikum, peace be on you.
Here I am, where a muslim has something 2 share 2 others whether they are muslims or not..
And the first thing I will represent you that is the words "assalamualaikum". It is a beautiful saying we use when we meet with another muslim. Its meaning refers that a good muslim has to pray for other to be peaceful as well as him or her.
Uhmm, do you think so?
read more...