This is Islam

9/16/2553

เพียงเพราะว่า "เราคือมุสลิมหรือ"?‏











read more...

ฉันถือศีลอดในเดือนรอมฎอนแต่ฉันไม่ได้ละหมาด การถือศีลอดของฉันนั้นจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่?

การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ไม่เป็นที่ยอมรับ หากผู้ถือศีลอดละทิ้งการละหมาด
 Ramadaan fasting is not acceptable if one does not pray
แหล่งที่มา http://www.islamqa.com/en/ref/37820/  Islam Q&A

คำถาม: ฉันถือศีลอดในเดือนรอมฎอนแต่ฉันไม่ได้ละหมาด  การถือศีลอดของฉันนั้นจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่?
คำตอบ: การสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ
การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และการกระทำความดีงามอื่นๆ นั้น จะไม่ได้รับการยอมรับ หากท่านละทิ้งการละหมาด  นั่นเป็นเพราะว่า การละทิ้งละหมาด ถือเป็น กุฟรฺ (การปฏิเสธอัลลอฮฺ ปฏิเสธความโปรดปรานของอัลลอฮฺและสาส์นของพระองค์ (คืออิสลาม))  ดังที่ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างบุรุษคนหนึ่ง และชิริก และกุฟรฺ คือการละทิ้งละหมาด รายงานโดยมุสลิม 82

ไม่มีซึ่ง การกระทำที่ดีงามใด จะได้รับการตอบรับจากบรรดากาเฟรฺ ด้วยเพราะอัลลอฮฺตรัสว่า  (อันมีความหมายว่า) เราจะนำ การกระทำต่างๆ ที่พวกเขากระทำ (ผู้ปฏิเสธ ผู้นับถือพระเจ้าหลายองค์ และผู้กระทำชั่ว) กลับคืนสู่พวกเขา และเราจะทำให้การงานเหล่านั้นไร้คุณค่าดังเช่นผงธุลีที่ปลิวว่อน (อัล ฟุรกอน 25:23)

หากพวกเจ้าทำการสักการะสิ่งอื่นใด ร่วมกับอัลลอฮฺ แน่นอนการงาน (ทั้งหลาย) ของเจ้าย่อมสูญเปล่า และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน (อัซซุมัร 39:65)

อัลบุคอรียฺ รายงานว่า ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า
ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งการละหมาดอัศรี การงานทั้งหลายของเขาย่อมสูญเปล่า  (อัลบุคอรียฺ 553)

ความหมายของถ้อยคำที่ว่า การงานทั้งหลายของเขาย่อมสูญเปล่า หมายความว่า การงาน การกระทำความดีงามทั้งหลายของเขากลายเป็นโมฆะ ใช้ไม่ได้ และมันจะไม่ก่อผลประโยชน์ใดๆ แก่เขา

จากฮะดีษบทนี้บ่งบอกว่า ในกรณีที่บุคคลหนึ่งไม่ทำการละหมาด อัลลอฮฺจะมิทรงตอบรับการงานใดๆ จากเขา ดังนั้นผู้ที่ละทิ้งการละหมาดย่อมไม่ได้รับผลบุญ หรือการตอบแทนใดๆ จากการงานทั้งหลายของเขา และไม่มีการงานที่ดีใดๆ ของเขาจะไป ณ ที่อัลลอฮฺ

ท่านอิบนุล ก็อยยิม (รอฮิมาฮุลลอฮฺ) กล่าวไว้เกี่ยวกับความหมายของฮะดีษบทนี้ไว้ว่า สิ่งที่ปรากฎในความหมายของฮะดีษบทนี้คือ บรรดาผู้ที่ละทิ้งการละหมาดนั้นมีอยู่สองประเภท
หนึ่ง        บรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดเลย ซึ่งทำให้การงานทั้งหมดทั้งมวลของเขานั้นเป็นโมฆะ (ใช้ไม่ได้)
สอง         บรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดบางวัน ซึ่งทำให้การงานของเขาในวันนั้นเป็นโมฆะ (ใช้ไม่ได้)

ดังนั้น การสูญเสียของการงานที่ดีทั้งหมด จะประสบต่อบรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดเลย และ การสูญเสียของการงานบางอย่าง จะประสบต่อบรรดาผู้ที่ละทิ้งการละหมาดบางช่วงเวลา (จากกิตาบ อัล ศอลาฮฺ หน้า 65)

ดังนั้นคำแนะนำของเราต่อผู้ที่ถามคำถามนี้คือ การกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮฺ และรู้สึกเสียใจต่อการละเลยในหน้าที่ที่ควรกระทำต่ออัลลอฮฺ สำหรับการนำมาซึ่งความโกรธกริ้ว และการลงโทษของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงตอบรับการกลับเนื้อกลับตัวของบรรดาบ่าวที่สำนึกผิดต่อพระองค์ และพระองคจะทรงอภัยโทษต่อความผิดบาปของเขา แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺทรงปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งต่อการสำนึกในความผิดของปวงบ่าว ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม ได้แจ้งข่าวดีต่อบรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวว่า บรรดาผู้ที่กลับเนื้อกลับตัวจากความผิดบาปนั้น เปรียบเสมือนกับผู้ที่มิได้ทำความผิดบาปใดๆ เลย รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ 4250 ถูกจัดว่าเป็นฮะดีษฮะซัน โดยอัล อัลบานียฺ ในศอเฮี้ยฮฺ อิบนุ มาญะฮฺ 3424

ดังนั้นเธอจำต้องเร่งรีบที่จะทำการฆุซลฺ (อาบน้ำตามศาสนบัญญัติ) และละหมาด เพื่อที่เธอจะได้มีความบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก เธอไม่ควรที่จะล่าช้าในการสำนึกผิดและกล่าวว่า ฉันจะกลับเนื้อกลับตัววันพรุ่งนี้ หรือหลังจากวันพรุ่งนี้ เพราะเธอไม่มีทางที่จะทราบได้ว่า ความตาย จะมาประสบกับเธอเมื่อไหร่ เธอควรจะทำการสำนึกผิดต่ออัลลอฮฺ ก่อนที่ความเสียใจของเธอจะไม่มีก่อผลประโยชน์ใดๆ แก่เธอ

และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขาแล้วจะกล่าวว่า โอ้! หากฉันได้ยึดแนวทางร่วมกับอัลร่อซูลก็จะเป็นการดี”  “โอ้ความวิบัติแก่ฉัน! หากฉันไม่คบคนนั้นเป็นเพื่อน แน่นอน เขาได้ทำให้ฉันหลงผิดจากการตักเตือน (อัลกุรอาน) หลังจากที่มันได้มันมายังฉัน และชัยฏอนมารร้ายนั้น มันเป็นผู้เหยียดหยามมนุษย์เสมอ (อัลฟุรกอน 27-29)
Islam QA
**คัดลอกคำแปลอัลกุรอานมาจาก alquran-thai.com และมีการปรับถ้อยคำเล็กน้อย
read more...

Wake up Muslims! ตื่นเถิหนุ่มสาว

อัสสลามมูอาลัยกุม
วันนี้ คิดถึง รู้บ้างไหม
ทำอะไร ทำไม ไม่ติดต่อ
ตื่นตอนไหน ไม่โทรบอก คนเฝ้ารอ
จ้องแต่จอ โทรศัพท์ นับเวลา
กินข้าวยัง หรือไป ไหนมาบ้าง
สารพัดอย่าง สรรหา มาไต่ถาม
ไร้สาระ พูดคุย ไม่นับความ
หลงตาม ชัยฏอน ทุกวันวาน
หนุ่มถาม สาวตอบ มิเชือนช้า
ไม่สน นาฬิกา ที่วนผ่าน
ลืมหน้าที่ ลืมเวลา ลืมวันวาน
ลืมกรุอาน ทางนำ สอนอย่างไร
ลืมไปว่า หนุ่มสาว ต้องขับเคลื่อน
ลืมฟังคำ ตักเตือน ใจมืดไหม้
ลืมนึก ว่าตัวเอง นั้นเป็นใคร
มีหน้าที่ อย่างไร ต่ออิสลาม
ลืมแล้วว่า วันนี้ ทำสิ่งใด
ต้องนำไป ตอบคำถาม ในวันหน้า
ลืมว่าขาด ทุนกับ กาลเวลา
เพราะดวงตา และหัวใจ เมินทางนำ
เพราะหลงสิ่ง ผู้ปฏิเสธ หยิบยื่นให้
หลงคิดไป ว่าอินเทรนด์ นำแฟชั่น
หลงว่าที่ คนหมู่มาก กระทำกัน
คือสิ่งนั้น ไม่อนุมัติ ในอิสลาม
เอาอย่างอื่น มาชี้ถูก กับศาสนา
เพียงเพราะว่า ตอบเอง มิไต่ถาม
แค่คุยเอ็ม มิเห็นหน้า แค่ข้อความ
แค่ไต่ถาม ผ่านมือถือ แค่นั้นเอง
แค่ซ้อนท้าย เพราะต้องไป ทางเดียวกัน
ประหยัดน้ำ มันตามรัฐ แนะนำไว้
แค่ไปส่ง เพราะผู้หญิง มิปลอดภัย
แค่ติวให้ เพราะเราเรียน รู้ร่วมกัน
คงลืมไป ว่าแค่นั้น ที่บอกไว้
คือ เข้าใกล้ ซินา ผิดมหันต์
คงลืมว่า อิสลาม คือ ป้องกัน
มิใช่การ แก้ไข เมื่อสายเกิน
ทบทวน ทบทวน ตัวเองใหม่
แล้วตั้งใจ หยุดมันเถิด หนุ่มสาวเอ๋ย
อย่าหลงตาม ชัยฏอน ชี้นำเลย
อย่านิ่งเฉย กับการทำ ตามนัฟซู
การอภัย พระผู้สร้าง ให้เสมอ
แค่เพียงเธอ บอกพระองค์ ผู้ทรงรู้
แล้วหยุดสิ่ง ที่เคยทำ ตามนัฟซู
เร่งเชิดชู ทางนำ ของอิสลาม
อย่าลืมว่า พวกเธอ คือความหวัง
คือพลัง อันยิ่งใหญ่ ของศาสนา
คือต้นกล้า ที่เข้มแข็ง แห่งศรัทธา
คือหน้าตา ของ อัล- อิสลาม

จากเมล์
read more...

กี่ขั้นบันไดจึงจะถึงสวรรค์

กี่ขั้นบันไดจึงจะถึงสวรรค์
โดย อ.ยะหยา หมัดละ
          การเตือนตนเอง การแนะนำไปสู่คุณงามความดี แด่ผู้ที่เป็นที่รักและครอบครัว คำสอนที่เป็นทุนในสังคมมุสลิมมีอยู่แล้ว ตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคปัจจุบัน
ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้เตือนบุตรสาวสุดที่รักของท่านว่า
"โอ้ ฟาฏิมะฮ์ บุตรสาวของมุฮัมมัด เธอจงทำตัวให้พ้นจากไฟนรกเถิด ฉันไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆที่จะช่วยเหลือเธอในเรื่องของอัลลอฮ์ได้เลย แม่แต่น้อย"
และท่านนะบีได้สั่งเสียลูกชายของลุงของท่าน (อับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบาส) ขณะขี่สัตว์พาหนะมาด้วยกัน ท่านกล่าวว่า
"โอ้ หนุ่มน้อย ฉันจะบอกเจ้าถึงเรื่อง ซึ่งอัลลอฮ์จะทรงให้เจ้าได้รับคุณค่ามากมาย หากเจ้าปฏิบัติตาม เจ้าจะเอาหรือไม่ ? ท่านอับดุลลอฮ์ กล่าวว่า เอาสิครับ โอ้ ท่านเราะซูล ท่านจึงกล่าวว่า จงรักษา(ศาสนา)อัลลอฮ์เถิด อัลลอฮ์จะทรงรักษาตัวของเจ้า จงรักษา(ศาสนาของ)อัลลอฮ์เถิด เจ้าจะพบอัลลอฮ์อยู่ต่อหน้าเจ้า(ปกป้องคุ้มครอง) จงรู้จัก(อยู่ในขอบเขตของ)อัลลอฮ์ ในยามสุข อัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือเจ้า  ในยามทุกข์ เมื่อเจ้าขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด จงขอต่ออัลลอฮ์ เมื่อเจ้าขอความช่วยเหลือ ก็จงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ ปากกาที่เขียนจารึกนั้น น้ำหมึกได้แห้งแล้ว บันทึกสิ่งใดไว้ต้องเป็นไปตามนั้น หากมนุษย์ทั้งโลกมุ่งร้ายต่อเจ้า เจ้าจะไม่ได้รับอันตราย นอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงบันทึกไว้ พึงทราบเถิดการอดทนในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบนั้น มีสิ่งดีๆแฝงอยู่มากมาย แท้จริง ชัยชนะนั้นกว่าจะได้มาต้องมีความอดทน การพ้นทุกข์นั้น กว่าจะเกิดขึ้นต้องผ่านการทุกข์ยากมากมาย สิ่งง่ายดายนั้นกว่าจะถึงต้องพบกับความยุ่งยากมาก่อน"
          พระองค์ทรงบัญญัติให้เราปฏิบัติสิ่งต่างๆ เราต้องปฏิบัติ อย่าลืมว่ามีมลาอิกะฮ์ ทั้งซ้ายและขวาคอยจดบันทึกคำพูด แลการกระทำของเราตลอดเวลา ไม่มีการกระทำใดๆที่รอดพ้นจากการถูกบันทึก ทุกคนเดินเข้าหาความตายอยู่ทุกวัน และเวลาสำหรับชีวิตในโลกนี้นั้นแสนสั้น ชีวิตในกบูร(หลุมฝังศพ) ตามชนิดของการฝ่าฝืนที่ได้กระทำไว้
          ความเกียจคร้านในการประกอบความดี เป็นเพื่อนที่ขี้เหร่ที่สุดที่ไม่น่าคบค้าสมาคม การชอบความสุขสำราญในโลกนี้ อาจนำพาไปสู่ความเสียใจภายภาคหน้า (อาคิเราะฮ์)
         คนเราจะไม่บรรลุความดี เว้นแต่การเชื่อฟังและการปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์ และเราะซูล จะไม่หลุดลอยออกจากความดี เว้นแต่รฝ่าฝืน อัลลอฮ์ และเราะซูล
         ทุกคนต้องเป็นผู้ที่เตือนตัวเองอยู่เสมอ และเสียใจต่อความผิดพลาดในอดีต จงขยันหมั่นเพียรปฏิบัติทั้งดุนยา และอาคิเราะฮ์ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในส่วนของวันเวลาแห่งชีวิตในโลกดุนยาที่เหลืออยู่อีกไม่นานนัก
         ท่านอิบรอฮีม อิบนุ อัดฮัม เล่าไว้ว่า
"ฉันเคยไปเยี่ยมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนดี ทำอะมัลอิบาดะฮ์ประจำสม่ำเสมอ เขาป่วย และเมื่อเขามองดูขาทั้งสองของเขาแล้ว ก็ร้องไห้ ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม ? เขาตอบว่า ต่อไปนี้ขาทั้งสองข้างขอฉันคงไม่สามารถเปื้อนฝุ่น ย่ำไปในหนทางของอัลลอฮ์ได้อีกแล้ว และฉันเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนซอและฮ์ เมือพบกัน เขาก็ร้องไห้ ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม ? เขาตอบว่า บัดนี้วันหนึ่งผ่านพ้นไป ฉันถือศีลอดซุนนะฮ์ไม่ไหวแล้ว ยามดึกค่อนคืนผ่านไป ฉันทำละหมาดตะฮัจญุดไม่ไหวแล้ว"
         หากพิจารณา วันเวลาแห่งการดำเนินชีวิตในโลกนี้ คนเราจะมีอายุคนละกี่ปี ? (ท่านนะบี  เคยกล่าวว่า อุมมะฮ์ ของฉันจะมีอายุระหว่าง 60-70 ปี) ในช่วงเด็กก็หมดไปแล้ว 15 ปี ส่วนที่เหลืออยู่ไม่มาก เอาไปใช้ในทางไหนบ้าง ? เที่ยวเตร่หาความสำราญ ? เราใช้ในหนทางการเตรียมเสบียงสู่วันอาคิเราะฮ์สักเท่าไหร่ ?
1. ชีวิตในโลกดุนยานี้
          การมีชีวิตในโลกดุนยานี้มิใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นความสุขที่หลอกลวงระยะสั้น ชั่วคราวเท่านั้น เราจะยึดติดกับชีวิตในโลกดุนยาได้อย่างไร ? เมื่อมันจะสูญสลายในไม่ช้า ผู้ใดหวังเก็บเกี่ยวทรัพย์สิน ลาภยศสรรเสริญในโลกดุนยา อัลลอฮ์จะทรงให้เขาทุกอย่าง แต่ในโลกอาคิเราะฮ์ เขาจไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย
2. เข้าหลุมฝังศพ (ก๊อบบูร)
          อนาคตในก๊อบบูรจะเป็นอย่างไร? เมื่อสิ้นชีวิตเราต้องไปอยู่ในหลุมฝังศพ หรับผู้ศรัทธาที่ดี มีการงานที่ดีเป็นเสบียงตระเตรียมไว้ตั้งแต่มีชีวิตในโลกดุนยา เขาจะได้รับความเมตตา ความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ สำหรับผู้ศรัทธาที่ฝ่าฝืนเขาจะถูกลงโทษ ดังนั้น ก๊อบบูร(หลุมศพ) ของเราจะเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาสวนสวรรค์ หรือ อาจจะเป็นหลุมหนึ่งจากนรก
ใครบ้างจะถูกลงโทษในก๊อบบูร ?
         ผู้ที่ปัสสาวะเสร็จแล้วไม่ทำความสะอาดอย่างดี ปล่อยให้เปื้อนเสื้อผ้า และร่างกาย ผู้ที่ชอบนินทาติเตียนลับหลัง กล่าววาจาจาบจ้วง กล่าวร้ายผู้อื่น ผู้ที่ละเลยการอ่านอัลกุรอาน ผู้ที่ทำซินา(ผิดประเวณี) ผู้ที่กินดอกเบี้ย จ่ายดอกเบี้ย โกงหนี้สิน อื่นๆ
3. วันเป่าสังข์ของมลาอิกะฮ์ (อิสรอฟิล)
         เราจะอยู่ในหลุมศพเรื่อยไป จนกระทั่งถึงวันเป่าสังข์ มลาอิกะฮ์อิสรอฟิล เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เมื่อเป่าครั้งแรก ผู้ที่ยังไม่ตายจะล้มตายลง เมื่อเป่าครั้งที่สอง มนุษย์ทั้งหมดจะลุกขึ้นจากก๊อบบูร ฟื้นคืนชีพ ชีวิตกลับสู่เรือนร่าง มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนเดิมทุกประการ รอคอยการสอบสวนทีจะมาถึงในไม่ช้า
          การเป่าสังข์ครั้งที่สองห่างกันเท่าใด ? "ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า ทานนะบี  กล่าวว่า ระหว่างการเป่าสังข์ครั้งแรกกับครั้งที่สองนั้นห่างกัน 40.... บรรดาศอฮะบะฮ์ ถามว่า 40 เดือนใช่หรือไม่ ? อบูฮุรอยเราะฮ์ ตอบว่า ฉันไม่ยืนยัน บรรดาศอฮะบะฮ์ ถามอีกว่า 40 ปี ใช่หรือไม่ ?  อบูฮุรอยเราะฮ์ ตอบว่า ฉันไม่ยืนยัน" 
และท่านนะบียังกล่าวอีกว่า "ก่อนที่มลาอิกะฮ์อิสรอฟิลจะเป่าสังข์ครั้งที่สองนั้น อัลลอฮ์จะทรงให้ฝนกระหน่ำตกลงมา เพื่อให้มนุษย์ฟื้นคืนชีพ"
4. วันฟื้นคืนชีพ
         วันนั้นอัลลอฮ์ จะทรงให้ทุกคนฟื้นคืชีพอีกครั้ง เพื่อจะตอบแทนการงานที่เขาขวนขวายไว้ การฟื้นครั้งนี้มนุษย์จะไม่มีการตายอีกต่อไป ถึงแม้จะถูกลงโทษสถานหนักเท่าใดก็ตาม และบุคคลแรกที่จะฟื้นในวันนั้น คือ ท่านนะบีมุฮัมมัด ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาในสภาพที่เปลือยเปล่า และผู้ที่ตายชะฮีดจะฟื้นขึ้นในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล รอยเลือด สีเลือด แต่กลิ่นนั้นจะหอมยิ่งกว่ากลิ่นของชะมดเชียง มนุษย์จะฟื้นขึ้นมาด้วยกระดูกชิ้นเล็กๆที่เรียกว่า อุญบุซซะนับ เมื่อฝนหลั่งลงมา มนุษย์ก็จะฟื้นขึ้น เหมือนพืชผักที่งอกงาม
5. วันชุมนุมเพื่อรอการสอบสวน และตัดสิน
          ในวันนั้น มนุษย์จะถูกนำไปชุมนุมกัน ในดินแดนแห่งใหม่ พื้นดินมีสีขาวโล่งเตียน ไม่มีภูเขา หรือโขดหินใดๆ (วันหนึ่งยาวนานเท่ากับ 500,000 ปีในโลกดุนยา) สภาพของผู้ฝ่าฝืน เช่น ไม่ชำระซะกาต ในวันนั้นทรัพย์ของเขาจะเป็นงูใหญ่มาพันรอบคอ ผู้ที่อวดใหญ่ อวดโต ในวันนั้น จะมาชุมนุมในสภาพที่ตัวเล็ก ไปทางไหนใครๆก็หยาม สำหรับผู้ที่ยำเกรงอัลลอฮ์ เขาจะไม่กลัวและไม่ตกใจ
         ท่านนะบี  จะขอชะฟาอะฮ์ ช่วยเหลือ อุมมะฮ์ ประชาชาติของท่าน ในวันนั้น ท่านนะบี  จะขอความช่วยเหลือให้ผู้ศรัทธาที่ฝ่าฝืน หลุดพ้นจากนรกและเข้าสวรรค์ ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขสองประการคือ ต้องได้รับอนุมัติจากอัลลอฮ์ ต้องเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยเท่านั้น
6. การสอบสวน
          บ่าวของอัลลอฮ์ จะยืนขึ้นต่อหน้าพระองค์ และพระองค์ก็ทรงบอกให้ทราบถึงการงานของเขาที่ได้กระทำไว้ คำพูดของเขาที่เคยพูดไว้ การดำเนินชีวิตของเขาในโลกดุนยา การศรัทธา การปฏิเสธศรัทธา การยึดมั่นในหนทางที่เที่ยงตรง และการล่วงละเมิด บ่าวจะถูกถามถึงการมีชีวิตของเขาว่าใช้ไปทางใด? การอยู่ในช่วงชีวิตของวัยหนุ่มสาว ? ทรัพย์สินใช้จ่ายไปในหนทางใด ? ความรู้ที่มีก่อประโยชน์หรือไม่ ?
         ประชาชาติของท่านนะบี  จะได้รับการสอบสวนก่อน และเรื่องแรกที่จะถูกสอบสวนเกี่ยวกับสิทธิของอัลลอฮ์ คือ การละหมาด สำหรับเรื่องแรกที่จะสอบสวนเกี่ยวกับสิทธิของมนุษย์ด้วยกัน คือ การละเมิดชีวิตผู้อื่น
7. รับสมุดบันทึกการงาน
          ทุกคนจะได้รับสมุดการงานที่ทำไว้ตลอดชีวิต ในโลกดุนยา ผู้ใดรับบันทึกทางขวา เขาจะถูกสอบสวนอย่างสะดวกสบาย และจะกลับไปหาครอบครัวด้วยความปลื้มใจ  ผู้ใดได้รับสมุดบันทึกจากด้านหลัง เขาจะประสบความหายนะ และเข้าสู่นรก
8. ตราชั่ง
          ตราชั่ง หมายถึง ตราชั่งสำหรับผลงานความดี และความชั่ว ของบ่าวในวันกิยามะฮ์
ผลงานที่มีน้ำหนักมาก คือ คำกล่าว "ซุบฮานัลลอฮ์ วะบิฮัมดิฮ ซุบฮานัลลอฮ์ ฮิลอะซีม" อีกประการหนึ่ง คือมีมารยาทดีตามบทบัญญัติอิสลาม
9. บ่อน้ำสำหรับประชาชาตินะบีมุฮัมมัด
         ประชาชาติของท่านนะบี  จะมายังบ่อน้ำขนาดใหญ่ น้ำสีขาวยิ่งกว่านม รสหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง มีกลิ่นหอมยิ่งกว่าชะมดเชียง ผู้ใดได้ดื่มผู้นั้นจะไม่กระหายอีกเลย ประชาชาติของท่านนะบี จะได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้ทุกคน เว้นแต่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ ของท่านนะบี มุฮัมมัด  ขณะที่เอยู่ในโลกดุนยา และท่านจะเรียกประชาชาติของท่านมายังบ่อน้ำ ท่านสามารถจดจำประชาชาติของท่านได้ เพราะประกายรัศมีที่อยู่บนศรีษะ อันเนื่องจากการอาบน้ำละหมาด
10. อัลลอฮ์ ทรงทดสอบว่าผู้ใดศรัทธาจริง ผู้ใดกลับกลอก
          เมื่อสอบเสร็จแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธจะถูกลากลงนรก เหลือแต่บรรดาผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง และบรรดาผู้ที่อ้างว่าศรัทธา อัลลอฮ์ทรงทดสอบ และจำแนกบุคคลสองกลุ่มนี้ออกจากกัน โดยพระองค์ทรงเปิดเผย ให้ทั้งหมดได้เห็นส่วนหนึ่งจากตัวตนของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงก็จะกราบสุญูดต่อพระองค์ แต่บรรดพวกมุนาฟิก หน้าไหว้หลังหลอก จะไม่สามารถกราบสุญูดได้ หลังจากนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะไปยังสะพานศิรอฎ
11. ข้ามสะพานศิรอฎ
         เมื่อผู้ปฏิเสธศรัทธาไปสู่นรกแล้ว เหลือแต่มุมิน ผู้ศรัทธา และมุนาฟิก ที่ต้องข้ามสะพาน สำหรับผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง จะข้ามได้ตามผลงานความดีที่ทำไว้ในดุนยา บางคนใช้เวลาเพียงพริบตา บางคนเหมือนสายฟ้าแลบ บางคนเหมือนสายลม บางคนเหมือนนกบิน บางคนกว่าจะข้ามได้ต้องถูกตะขอไฟเกี่ยว
          ผู้ข้ามสะพานท่านแรก ได้แก่ท่านนะบีมุฮัมมัด และประชาชาติของท่านเป็นประชาชาติแรกที่จะได้ข้ามสะพาน ซึ่งจะมีแสงสว่างส่องตามทาง ผู้ประกอบคุณงามความดี จะผ่านพ้นและเข้าสู่ประตูสวรรค์ไปได้
          สำหรับบรรดามุนาฟิก จะมีกำแพงกั้นระหว่างพวกเขากับบรรดาผู้ศรัทธา และไม่มีแสงสว่างนำทาง พวกเขาไม่สามารถข้ามสะพานไปได้ ในที่สุดจึงตกสู่นรก
12. นรก
          ผู้ปฏิเสธศรัทธา นั้นเป็นชาวนรก อาหารและเครื่องดื่มของชาวนรก ได้แก่น้ำร้อนจัดจะถูกเทลงบนหัวทะลุเข้าสู่กะเพาะทะลักออกมาทางเท้าทั้งสองข้าง และน้ำเหลืองน้ำหนองที่ไหลออกมาจากผิวหนังของชาวนรก จะเป็นอาหารของชาวนรก การทรมานสถานเบาที่สุดในนรก ได้แก่ การเอาก้อนหินไฟสองก้อน มาวางไว้ใต้อุ้งเท้า มันจะร้อนถึงสมอง ก้นบึ้งของนรกนั้นลึกมาก โยนหินลงไปเจ็ดสิบปียังไม่ถึง มุมิน(ผู้ศรัทธา)ที่ทำความชั่วร้ายแรง ชนิดที่อัลลอฮ์ไม่ทรงอภัยให้นั้น เขาต้องถูกทำโทษในนรกก่อน เมือหมดโทษแล้ว จะถูกนำตัวมาเข้าสวรรค์ ผู้ปฏิเสธจะถูกลงโทษในนรกตลอดกาลไม่มีวันออกจากนรก
13. กำแพงสูงกั้นระหว่างสวรรค์ กับนรก
          เมื่อผู้ศรัทธาที่ถูกลงโทษ ได้ชดใช้โทษหมดแล้ว เขาจะถูกกักตัวไว้ที่กำแพงสูงระหว่างสวรรค์กับนรก เพื่อบอกกล่าวไม่เอาความต่อกันในสิ่งที่ตนได้ละเมิดระหว่างกัน ในช่วงที่อยู่บนโลกดุนยา
          ชาวสวรรค์ เมื่อผ่านมาแล้ว เขาต้องรอบอกกล่าวสิ่งที่ละเมิดต่อกัน ขจัดความขุ่นข้องหมองใจต่อกัน หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่สวรรค์
14. สวรรค์
         สวรรค์มี 100 ชั้น แต่ละชั้นห่างกันระหว่างชั้นฟ้า และแผ่นดิน สวรรค์ชั้นที่สูงสุด คือชั้นฟิรเดาส์ เหนือสวรรค์มีบัลลังก์ของอัลลอฮ์ ในสวรรค์มีแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำที่เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แม่นำที่เป็นสุรารสอร่อย แม่น้ำที่เป็นน้ำจืดสนิท ในสวรรค์มีต้นไม้ที่พำนักประดับประดาด้วยไข่มุก ชาวสวรรค์จะอยู่ในวัยหนุ่มสาว ไม่มีแก่ชรา ไม่มีการขับถ่าย ความโปรดปรานสูงสุดที่จะได้รับ คือ การได้เห็นพระพักต์ของพระองค์อัลลอฮ์  

          สิ่งที่กล่าวนั้น คือ อนาคตของทุกคนที่จะต้องได้พบอย่างแน่นอน จงเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเราจะวางแผนให้มีชีวิตในโลกหน้าที่มั่นคงและถาวร
read more...