This is Islam

9/16/2553

เพียงเพราะว่า "เราคือมุสลิมหรือ"?‏











read more...

ฉันถือศีลอดในเดือนรอมฎอนแต่ฉันไม่ได้ละหมาด การถือศีลอดของฉันนั้นจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่?

การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ไม่เป็นที่ยอมรับ หากผู้ถือศีลอดละทิ้งการละหมาด
 Ramadaan fasting is not acceptable if one does not pray
แหล่งที่มา http://www.islamqa.com/en/ref/37820/  Islam Q&A

คำถาม: ฉันถือศีลอดในเดือนรอมฎอนแต่ฉันไม่ได้ละหมาด  การถือศีลอดของฉันนั้นจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่?
คำตอบ: การสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ
การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และการกระทำความดีงามอื่นๆ นั้น จะไม่ได้รับการยอมรับ หากท่านละทิ้งการละหมาด  นั่นเป็นเพราะว่า การละทิ้งละหมาด ถือเป็น กุฟรฺ (การปฏิเสธอัลลอฮฺ ปฏิเสธความโปรดปรานของอัลลอฮฺและสาส์นของพระองค์ (คืออิสลาม))  ดังที่ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า ความแตกต่างระหว่างบุรุษคนหนึ่ง และชิริก และกุฟรฺ คือการละทิ้งละหมาด รายงานโดยมุสลิม 82

ไม่มีซึ่ง การกระทำที่ดีงามใด จะได้รับการตอบรับจากบรรดากาเฟรฺ ด้วยเพราะอัลลอฮฺตรัสว่า  (อันมีความหมายว่า) เราจะนำ การกระทำต่างๆ ที่พวกเขากระทำ (ผู้ปฏิเสธ ผู้นับถือพระเจ้าหลายองค์ และผู้กระทำชั่ว) กลับคืนสู่พวกเขา และเราจะทำให้การงานเหล่านั้นไร้คุณค่าดังเช่นผงธุลีที่ปลิวว่อน (อัล ฟุรกอน 25:23)

หากพวกเจ้าทำการสักการะสิ่งอื่นใด ร่วมกับอัลลอฮฺ แน่นอนการงาน (ทั้งหลาย) ของเจ้าย่อมสูญเปล่า และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน (อัซซุมัร 39:65)

อัลบุคอรียฺ รายงานว่า ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า
ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งการละหมาดอัศรี การงานทั้งหลายของเขาย่อมสูญเปล่า  (อัลบุคอรียฺ 553)

ความหมายของถ้อยคำที่ว่า การงานทั้งหลายของเขาย่อมสูญเปล่า หมายความว่า การงาน การกระทำความดีงามทั้งหลายของเขากลายเป็นโมฆะ ใช้ไม่ได้ และมันจะไม่ก่อผลประโยชน์ใดๆ แก่เขา

จากฮะดีษบทนี้บ่งบอกว่า ในกรณีที่บุคคลหนึ่งไม่ทำการละหมาด อัลลอฮฺจะมิทรงตอบรับการงานใดๆ จากเขา ดังนั้นผู้ที่ละทิ้งการละหมาดย่อมไม่ได้รับผลบุญ หรือการตอบแทนใดๆ จากการงานทั้งหลายของเขา และไม่มีการงานที่ดีใดๆ ของเขาจะไป ณ ที่อัลลอฮฺ

ท่านอิบนุล ก็อยยิม (รอฮิมาฮุลลอฮฺ) กล่าวไว้เกี่ยวกับความหมายของฮะดีษบทนี้ไว้ว่า สิ่งที่ปรากฎในความหมายของฮะดีษบทนี้คือ บรรดาผู้ที่ละทิ้งการละหมาดนั้นมีอยู่สองประเภท
หนึ่ง        บรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดเลย ซึ่งทำให้การงานทั้งหมดทั้งมวลของเขานั้นเป็นโมฆะ (ใช้ไม่ได้)
สอง         บรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดบางวัน ซึ่งทำให้การงานของเขาในวันนั้นเป็นโมฆะ (ใช้ไม่ได้)

ดังนั้น การสูญเสียของการงานที่ดีทั้งหมด จะประสบต่อบรรดาผู้ที่ไม่ทำการละหมาดเลย และ การสูญเสียของการงานบางอย่าง จะประสบต่อบรรดาผู้ที่ละทิ้งการละหมาดบางช่วงเวลา (จากกิตาบ อัล ศอลาฮฺ หน้า 65)

ดังนั้นคำแนะนำของเราต่อผู้ที่ถามคำถามนี้คือ การกลับเนื้อกลับตัวต่ออัลลอฮฺ และรู้สึกเสียใจต่อการละเลยในหน้าที่ที่ควรกระทำต่ออัลลอฮฺ สำหรับการนำมาซึ่งความโกรธกริ้ว และการลงโทษของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงตอบรับการกลับเนื้อกลับตัวของบรรดาบ่าวที่สำนึกผิดต่อพระองค์ และพระองคจะทรงอภัยโทษต่อความผิดบาปของเขา แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺทรงปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งต่อการสำนึกในความผิดของปวงบ่าว ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม ได้แจ้งข่าวดีต่อบรรดาผู้กลับเนื้อกลับตัวว่า บรรดาผู้ที่กลับเนื้อกลับตัวจากความผิดบาปนั้น เปรียบเสมือนกับผู้ที่มิได้ทำความผิดบาปใดๆ เลย รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ 4250 ถูกจัดว่าเป็นฮะดีษฮะซัน โดยอัล อัลบานียฺ ในศอเฮี้ยฮฺ อิบนุ มาญะฮฺ 3424

ดังนั้นเธอจำต้องเร่งรีบที่จะทำการฆุซลฺ (อาบน้ำตามศาสนบัญญัติ) และละหมาด เพื่อที่เธอจะได้มีความบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก เธอไม่ควรที่จะล่าช้าในการสำนึกผิดและกล่าวว่า ฉันจะกลับเนื้อกลับตัววันพรุ่งนี้ หรือหลังจากวันพรุ่งนี้ เพราะเธอไม่มีทางที่จะทราบได้ว่า ความตาย จะมาประสบกับเธอเมื่อไหร่ เธอควรจะทำการสำนึกผิดต่ออัลลอฮฺ ก่อนที่ความเสียใจของเธอจะไม่มีก่อผลประโยชน์ใดๆ แก่เธอ

และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขาแล้วจะกล่าวว่า โอ้! หากฉันได้ยึดแนวทางร่วมกับอัลร่อซูลก็จะเป็นการดี”  “โอ้ความวิบัติแก่ฉัน! หากฉันไม่คบคนนั้นเป็นเพื่อน แน่นอน เขาได้ทำให้ฉันหลงผิดจากการตักเตือน (อัลกุรอาน) หลังจากที่มันได้มันมายังฉัน และชัยฏอนมารร้ายนั้น มันเป็นผู้เหยียดหยามมนุษย์เสมอ (อัลฟุรกอน 27-29)
Islam QA
**คัดลอกคำแปลอัลกุรอานมาจาก alquran-thai.com และมีการปรับถ้อยคำเล็กน้อย
read more...

Wake up Muslims! ตื่นเถิหนุ่มสาว

อัสสลามมูอาลัยกุม
วันนี้ คิดถึง รู้บ้างไหม
ทำอะไร ทำไม ไม่ติดต่อ
ตื่นตอนไหน ไม่โทรบอก คนเฝ้ารอ
จ้องแต่จอ โทรศัพท์ นับเวลา
กินข้าวยัง หรือไป ไหนมาบ้าง
สารพัดอย่าง สรรหา มาไต่ถาม
ไร้สาระ พูดคุย ไม่นับความ
หลงตาม ชัยฏอน ทุกวันวาน
หนุ่มถาม สาวตอบ มิเชือนช้า
ไม่สน นาฬิกา ที่วนผ่าน
ลืมหน้าที่ ลืมเวลา ลืมวันวาน
ลืมกรุอาน ทางนำ สอนอย่างไร
ลืมไปว่า หนุ่มสาว ต้องขับเคลื่อน
ลืมฟังคำ ตักเตือน ใจมืดไหม้
ลืมนึก ว่าตัวเอง นั้นเป็นใคร
มีหน้าที่ อย่างไร ต่ออิสลาม
ลืมแล้วว่า วันนี้ ทำสิ่งใด
ต้องนำไป ตอบคำถาม ในวันหน้า
ลืมว่าขาด ทุนกับ กาลเวลา
เพราะดวงตา และหัวใจ เมินทางนำ
เพราะหลงสิ่ง ผู้ปฏิเสธ หยิบยื่นให้
หลงคิดไป ว่าอินเทรนด์ นำแฟชั่น
หลงว่าที่ คนหมู่มาก กระทำกัน
คือสิ่งนั้น ไม่อนุมัติ ในอิสลาม
เอาอย่างอื่น มาชี้ถูก กับศาสนา
เพียงเพราะว่า ตอบเอง มิไต่ถาม
แค่คุยเอ็ม มิเห็นหน้า แค่ข้อความ
แค่ไต่ถาม ผ่านมือถือ แค่นั้นเอง
แค่ซ้อนท้าย เพราะต้องไป ทางเดียวกัน
ประหยัดน้ำ มันตามรัฐ แนะนำไว้
แค่ไปส่ง เพราะผู้หญิง มิปลอดภัย
แค่ติวให้ เพราะเราเรียน รู้ร่วมกัน
คงลืมไป ว่าแค่นั้น ที่บอกไว้
คือ เข้าใกล้ ซินา ผิดมหันต์
คงลืมว่า อิสลาม คือ ป้องกัน
มิใช่การ แก้ไข เมื่อสายเกิน
ทบทวน ทบทวน ตัวเองใหม่
แล้วตั้งใจ หยุดมันเถิด หนุ่มสาวเอ๋ย
อย่าหลงตาม ชัยฏอน ชี้นำเลย
อย่านิ่งเฉย กับการทำ ตามนัฟซู
การอภัย พระผู้สร้าง ให้เสมอ
แค่เพียงเธอ บอกพระองค์ ผู้ทรงรู้
แล้วหยุดสิ่ง ที่เคยทำ ตามนัฟซู
เร่งเชิดชู ทางนำ ของอิสลาม
อย่าลืมว่า พวกเธอ คือความหวัง
คือพลัง อันยิ่งใหญ่ ของศาสนา
คือต้นกล้า ที่เข้มแข็ง แห่งศรัทธา
คือหน้าตา ของ อัล- อิสลาม

จากเมล์
read more...

กี่ขั้นบันไดจึงจะถึงสวรรค์

กี่ขั้นบันไดจึงจะถึงสวรรค์
โดย อ.ยะหยา หมัดละ
          การเตือนตนเอง การแนะนำไปสู่คุณงามความดี แด่ผู้ที่เป็นที่รักและครอบครัว คำสอนที่เป็นทุนในสังคมมุสลิมมีอยู่แล้ว ตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคปัจจุบัน
ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้เตือนบุตรสาวสุดที่รักของท่านว่า
"โอ้ ฟาฏิมะฮ์ บุตรสาวของมุฮัมมัด เธอจงทำตัวให้พ้นจากไฟนรกเถิด ฉันไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆที่จะช่วยเหลือเธอในเรื่องของอัลลอฮ์ได้เลย แม่แต่น้อย"
และท่านนะบีได้สั่งเสียลูกชายของลุงของท่าน (อับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบาส) ขณะขี่สัตว์พาหนะมาด้วยกัน ท่านกล่าวว่า
"โอ้ หนุ่มน้อย ฉันจะบอกเจ้าถึงเรื่อง ซึ่งอัลลอฮ์จะทรงให้เจ้าได้รับคุณค่ามากมาย หากเจ้าปฏิบัติตาม เจ้าจะเอาหรือไม่ ? ท่านอับดุลลอฮ์ กล่าวว่า เอาสิครับ โอ้ ท่านเราะซูล ท่านจึงกล่าวว่า จงรักษา(ศาสนา)อัลลอฮ์เถิด อัลลอฮ์จะทรงรักษาตัวของเจ้า จงรักษา(ศาสนาของ)อัลลอฮ์เถิด เจ้าจะพบอัลลอฮ์อยู่ต่อหน้าเจ้า(ปกป้องคุ้มครอง) จงรู้จัก(อยู่ในขอบเขตของ)อัลลอฮ์ ในยามสุข อัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือเจ้า  ในยามทุกข์ เมื่อเจ้าขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด จงขอต่ออัลลอฮ์ เมื่อเจ้าขอความช่วยเหลือ ก็จงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ ปากกาที่เขียนจารึกนั้น น้ำหมึกได้แห้งแล้ว บันทึกสิ่งใดไว้ต้องเป็นไปตามนั้น หากมนุษย์ทั้งโลกมุ่งร้ายต่อเจ้า เจ้าจะไม่ได้รับอันตราย นอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงบันทึกไว้ พึงทราบเถิดการอดทนในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบนั้น มีสิ่งดีๆแฝงอยู่มากมาย แท้จริง ชัยชนะนั้นกว่าจะได้มาต้องมีความอดทน การพ้นทุกข์นั้น กว่าจะเกิดขึ้นต้องผ่านการทุกข์ยากมากมาย สิ่งง่ายดายนั้นกว่าจะถึงต้องพบกับความยุ่งยากมาก่อน"
          พระองค์ทรงบัญญัติให้เราปฏิบัติสิ่งต่างๆ เราต้องปฏิบัติ อย่าลืมว่ามีมลาอิกะฮ์ ทั้งซ้ายและขวาคอยจดบันทึกคำพูด แลการกระทำของเราตลอดเวลา ไม่มีการกระทำใดๆที่รอดพ้นจากการถูกบันทึก ทุกคนเดินเข้าหาความตายอยู่ทุกวัน และเวลาสำหรับชีวิตในโลกนี้นั้นแสนสั้น ชีวิตในกบูร(หลุมฝังศพ) ตามชนิดของการฝ่าฝืนที่ได้กระทำไว้
          ความเกียจคร้านในการประกอบความดี เป็นเพื่อนที่ขี้เหร่ที่สุดที่ไม่น่าคบค้าสมาคม การชอบความสุขสำราญในโลกนี้ อาจนำพาไปสู่ความเสียใจภายภาคหน้า (อาคิเราะฮ์)
         คนเราจะไม่บรรลุความดี เว้นแต่การเชื่อฟังและการปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮ์ และเราะซูล จะไม่หลุดลอยออกจากความดี เว้นแต่รฝ่าฝืน อัลลอฮ์ และเราะซูล
         ทุกคนต้องเป็นผู้ที่เตือนตัวเองอยู่เสมอ และเสียใจต่อความผิดพลาดในอดีต จงขยันหมั่นเพียรปฏิบัติทั้งดุนยา และอาคิเราะฮ์ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในส่วนของวันเวลาแห่งชีวิตในโลกดุนยาที่เหลืออยู่อีกไม่นานนัก
         ท่านอิบรอฮีม อิบนุ อัดฮัม เล่าไว้ว่า
"ฉันเคยไปเยี่ยมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนดี ทำอะมัลอิบาดะฮ์ประจำสม่ำเสมอ เขาป่วย และเมื่อเขามองดูขาทั้งสองของเขาแล้ว ก็ร้องไห้ ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม ? เขาตอบว่า ต่อไปนี้ขาทั้งสองข้างขอฉันคงไม่สามารถเปื้อนฝุ่น ย่ำไปในหนทางของอัลลอฮ์ได้อีกแล้ว และฉันเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนซอและฮ์ เมือพบกัน เขาก็ร้องไห้ ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม ? เขาตอบว่า บัดนี้วันหนึ่งผ่านพ้นไป ฉันถือศีลอดซุนนะฮ์ไม่ไหวแล้ว ยามดึกค่อนคืนผ่านไป ฉันทำละหมาดตะฮัจญุดไม่ไหวแล้ว"
         หากพิจารณา วันเวลาแห่งการดำเนินชีวิตในโลกนี้ คนเราจะมีอายุคนละกี่ปี ? (ท่านนะบี  เคยกล่าวว่า อุมมะฮ์ ของฉันจะมีอายุระหว่าง 60-70 ปี) ในช่วงเด็กก็หมดไปแล้ว 15 ปี ส่วนที่เหลืออยู่ไม่มาก เอาไปใช้ในทางไหนบ้าง ? เที่ยวเตร่หาความสำราญ ? เราใช้ในหนทางการเตรียมเสบียงสู่วันอาคิเราะฮ์สักเท่าไหร่ ?
1. ชีวิตในโลกดุนยานี้
          การมีชีวิตในโลกดุนยานี้มิใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นความสุขที่หลอกลวงระยะสั้น ชั่วคราวเท่านั้น เราจะยึดติดกับชีวิตในโลกดุนยาได้อย่างไร ? เมื่อมันจะสูญสลายในไม่ช้า ผู้ใดหวังเก็บเกี่ยวทรัพย์สิน ลาภยศสรรเสริญในโลกดุนยา อัลลอฮ์จะทรงให้เขาทุกอย่าง แต่ในโลกอาคิเราะฮ์ เขาจไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย
2. เข้าหลุมฝังศพ (ก๊อบบูร)
          อนาคตในก๊อบบูรจะเป็นอย่างไร? เมื่อสิ้นชีวิตเราต้องไปอยู่ในหลุมฝังศพ หรับผู้ศรัทธาที่ดี มีการงานที่ดีเป็นเสบียงตระเตรียมไว้ตั้งแต่มีชีวิตในโลกดุนยา เขาจะได้รับความเมตตา ความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ สำหรับผู้ศรัทธาที่ฝ่าฝืนเขาจะถูกลงโทษ ดังนั้น ก๊อบบูร(หลุมศพ) ของเราจะเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาสวนสวรรค์ หรือ อาจจะเป็นหลุมหนึ่งจากนรก
ใครบ้างจะถูกลงโทษในก๊อบบูร ?
         ผู้ที่ปัสสาวะเสร็จแล้วไม่ทำความสะอาดอย่างดี ปล่อยให้เปื้อนเสื้อผ้า และร่างกาย ผู้ที่ชอบนินทาติเตียนลับหลัง กล่าววาจาจาบจ้วง กล่าวร้ายผู้อื่น ผู้ที่ละเลยการอ่านอัลกุรอาน ผู้ที่ทำซินา(ผิดประเวณี) ผู้ที่กินดอกเบี้ย จ่ายดอกเบี้ย โกงหนี้สิน อื่นๆ
3. วันเป่าสังข์ของมลาอิกะฮ์ (อิสรอฟิล)
         เราจะอยู่ในหลุมศพเรื่อยไป จนกระทั่งถึงวันเป่าสังข์ มลาอิกะฮ์อิสรอฟิล เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ เมื่อเป่าครั้งแรก ผู้ที่ยังไม่ตายจะล้มตายลง เมื่อเป่าครั้งที่สอง มนุษย์ทั้งหมดจะลุกขึ้นจากก๊อบบูร ฟื้นคืนชีพ ชีวิตกลับสู่เรือนร่าง มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนเดิมทุกประการ รอคอยการสอบสวนทีจะมาถึงในไม่ช้า
          การเป่าสังข์ครั้งที่สองห่างกันเท่าใด ? "ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า ทานนะบี  กล่าวว่า ระหว่างการเป่าสังข์ครั้งแรกกับครั้งที่สองนั้นห่างกัน 40.... บรรดาศอฮะบะฮ์ ถามว่า 40 เดือนใช่หรือไม่ ? อบูฮุรอยเราะฮ์ ตอบว่า ฉันไม่ยืนยัน บรรดาศอฮะบะฮ์ ถามอีกว่า 40 ปี ใช่หรือไม่ ?  อบูฮุรอยเราะฮ์ ตอบว่า ฉันไม่ยืนยัน" 
และท่านนะบียังกล่าวอีกว่า "ก่อนที่มลาอิกะฮ์อิสรอฟิลจะเป่าสังข์ครั้งที่สองนั้น อัลลอฮ์จะทรงให้ฝนกระหน่ำตกลงมา เพื่อให้มนุษย์ฟื้นคืนชีพ"
4. วันฟื้นคืนชีพ
         วันนั้นอัลลอฮ์ จะทรงให้ทุกคนฟื้นคืชีพอีกครั้ง เพื่อจะตอบแทนการงานที่เขาขวนขวายไว้ การฟื้นครั้งนี้มนุษย์จะไม่มีการตายอีกต่อไป ถึงแม้จะถูกลงโทษสถานหนักเท่าใดก็ตาม และบุคคลแรกที่จะฟื้นในวันนั้น คือ ท่านนะบีมุฮัมมัด ทุกคนจะฟื้นขึ้นมาในสภาพที่เปลือยเปล่า และผู้ที่ตายชะฮีดจะฟื้นขึ้นในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล รอยเลือด สีเลือด แต่กลิ่นนั้นจะหอมยิ่งกว่ากลิ่นของชะมดเชียง มนุษย์จะฟื้นขึ้นมาด้วยกระดูกชิ้นเล็กๆที่เรียกว่า อุญบุซซะนับ เมื่อฝนหลั่งลงมา มนุษย์ก็จะฟื้นขึ้น เหมือนพืชผักที่งอกงาม
5. วันชุมนุมเพื่อรอการสอบสวน และตัดสิน
          ในวันนั้น มนุษย์จะถูกนำไปชุมนุมกัน ในดินแดนแห่งใหม่ พื้นดินมีสีขาวโล่งเตียน ไม่มีภูเขา หรือโขดหินใดๆ (วันหนึ่งยาวนานเท่ากับ 500,000 ปีในโลกดุนยา) สภาพของผู้ฝ่าฝืน เช่น ไม่ชำระซะกาต ในวันนั้นทรัพย์ของเขาจะเป็นงูใหญ่มาพันรอบคอ ผู้ที่อวดใหญ่ อวดโต ในวันนั้น จะมาชุมนุมในสภาพที่ตัวเล็ก ไปทางไหนใครๆก็หยาม สำหรับผู้ที่ยำเกรงอัลลอฮ์ เขาจะไม่กลัวและไม่ตกใจ
         ท่านนะบี  จะขอชะฟาอะฮ์ ช่วยเหลือ อุมมะฮ์ ประชาชาติของท่าน ในวันนั้น ท่านนะบี  จะขอความช่วยเหลือให้ผู้ศรัทธาที่ฝ่าฝืน หลุดพ้นจากนรกและเข้าสวรรค์ ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขสองประการคือ ต้องได้รับอนุมัติจากอัลลอฮ์ ต้องเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยเท่านั้น
6. การสอบสวน
          บ่าวของอัลลอฮ์ จะยืนขึ้นต่อหน้าพระองค์ และพระองค์ก็ทรงบอกให้ทราบถึงการงานของเขาที่ได้กระทำไว้ คำพูดของเขาที่เคยพูดไว้ การดำเนินชีวิตของเขาในโลกดุนยา การศรัทธา การปฏิเสธศรัทธา การยึดมั่นในหนทางที่เที่ยงตรง และการล่วงละเมิด บ่าวจะถูกถามถึงการมีชีวิตของเขาว่าใช้ไปทางใด? การอยู่ในช่วงชีวิตของวัยหนุ่มสาว ? ทรัพย์สินใช้จ่ายไปในหนทางใด ? ความรู้ที่มีก่อประโยชน์หรือไม่ ?
         ประชาชาติของท่านนะบี  จะได้รับการสอบสวนก่อน และเรื่องแรกที่จะถูกสอบสวนเกี่ยวกับสิทธิของอัลลอฮ์ คือ การละหมาด สำหรับเรื่องแรกที่จะสอบสวนเกี่ยวกับสิทธิของมนุษย์ด้วยกัน คือ การละเมิดชีวิตผู้อื่น
7. รับสมุดบันทึกการงาน
          ทุกคนจะได้รับสมุดการงานที่ทำไว้ตลอดชีวิต ในโลกดุนยา ผู้ใดรับบันทึกทางขวา เขาจะถูกสอบสวนอย่างสะดวกสบาย และจะกลับไปหาครอบครัวด้วยความปลื้มใจ  ผู้ใดได้รับสมุดบันทึกจากด้านหลัง เขาจะประสบความหายนะ และเข้าสู่นรก
8. ตราชั่ง
          ตราชั่ง หมายถึง ตราชั่งสำหรับผลงานความดี และความชั่ว ของบ่าวในวันกิยามะฮ์
ผลงานที่มีน้ำหนักมาก คือ คำกล่าว "ซุบฮานัลลอฮ์ วะบิฮัมดิฮ ซุบฮานัลลอฮ์ ฮิลอะซีม" อีกประการหนึ่ง คือมีมารยาทดีตามบทบัญญัติอิสลาม
9. บ่อน้ำสำหรับประชาชาตินะบีมุฮัมมัด
         ประชาชาติของท่านนะบี  จะมายังบ่อน้ำขนาดใหญ่ น้ำสีขาวยิ่งกว่านม รสหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง มีกลิ่นหอมยิ่งกว่าชะมดเชียง ผู้ใดได้ดื่มผู้นั้นจะไม่กระหายอีกเลย ประชาชาติของท่านนะบี จะได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้ทุกคน เว้นแต่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ ของท่านนะบี มุฮัมมัด  ขณะที่เอยู่ในโลกดุนยา และท่านจะเรียกประชาชาติของท่านมายังบ่อน้ำ ท่านสามารถจดจำประชาชาติของท่านได้ เพราะประกายรัศมีที่อยู่บนศรีษะ อันเนื่องจากการอาบน้ำละหมาด
10. อัลลอฮ์ ทรงทดสอบว่าผู้ใดศรัทธาจริง ผู้ใดกลับกลอก
          เมื่อสอบเสร็จแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธจะถูกลากลงนรก เหลือแต่บรรดาผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง และบรรดาผู้ที่อ้างว่าศรัทธา อัลลอฮ์ทรงทดสอบ และจำแนกบุคคลสองกลุ่มนี้ออกจากกัน โดยพระองค์ทรงเปิดเผย ให้ทั้งหมดได้เห็นส่วนหนึ่งจากตัวตนของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงก็จะกราบสุญูดต่อพระองค์ แต่บรรดพวกมุนาฟิก หน้าไหว้หลังหลอก จะไม่สามารถกราบสุญูดได้ หลังจากนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะไปยังสะพานศิรอฎ
11. ข้ามสะพานศิรอฎ
         เมื่อผู้ปฏิเสธศรัทธาไปสู่นรกแล้ว เหลือแต่มุมิน ผู้ศรัทธา และมุนาฟิก ที่ต้องข้ามสะพาน สำหรับผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง จะข้ามได้ตามผลงานความดีที่ทำไว้ในดุนยา บางคนใช้เวลาเพียงพริบตา บางคนเหมือนสายฟ้าแลบ บางคนเหมือนสายลม บางคนเหมือนนกบิน บางคนกว่าจะข้ามได้ต้องถูกตะขอไฟเกี่ยว
          ผู้ข้ามสะพานท่านแรก ได้แก่ท่านนะบีมุฮัมมัด และประชาชาติของท่านเป็นประชาชาติแรกที่จะได้ข้ามสะพาน ซึ่งจะมีแสงสว่างส่องตามทาง ผู้ประกอบคุณงามความดี จะผ่านพ้นและเข้าสู่ประตูสวรรค์ไปได้
          สำหรับบรรดามุนาฟิก จะมีกำแพงกั้นระหว่างพวกเขากับบรรดาผู้ศรัทธา และไม่มีแสงสว่างนำทาง พวกเขาไม่สามารถข้ามสะพานไปได้ ในที่สุดจึงตกสู่นรก
12. นรก
          ผู้ปฏิเสธศรัทธา นั้นเป็นชาวนรก อาหารและเครื่องดื่มของชาวนรก ได้แก่น้ำร้อนจัดจะถูกเทลงบนหัวทะลุเข้าสู่กะเพาะทะลักออกมาทางเท้าทั้งสองข้าง และน้ำเหลืองน้ำหนองที่ไหลออกมาจากผิวหนังของชาวนรก จะเป็นอาหารของชาวนรก การทรมานสถานเบาที่สุดในนรก ได้แก่ การเอาก้อนหินไฟสองก้อน มาวางไว้ใต้อุ้งเท้า มันจะร้อนถึงสมอง ก้นบึ้งของนรกนั้นลึกมาก โยนหินลงไปเจ็ดสิบปียังไม่ถึง มุมิน(ผู้ศรัทธา)ที่ทำความชั่วร้ายแรง ชนิดที่อัลลอฮ์ไม่ทรงอภัยให้นั้น เขาต้องถูกทำโทษในนรกก่อน เมือหมดโทษแล้ว จะถูกนำตัวมาเข้าสวรรค์ ผู้ปฏิเสธจะถูกลงโทษในนรกตลอดกาลไม่มีวันออกจากนรก
13. กำแพงสูงกั้นระหว่างสวรรค์ กับนรก
          เมื่อผู้ศรัทธาที่ถูกลงโทษ ได้ชดใช้โทษหมดแล้ว เขาจะถูกกักตัวไว้ที่กำแพงสูงระหว่างสวรรค์กับนรก เพื่อบอกกล่าวไม่เอาความต่อกันในสิ่งที่ตนได้ละเมิดระหว่างกัน ในช่วงที่อยู่บนโลกดุนยา
          ชาวสวรรค์ เมื่อผ่านมาแล้ว เขาต้องรอบอกกล่าวสิ่งที่ละเมิดต่อกัน ขจัดความขุ่นข้องหมองใจต่อกัน หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่สวรรค์
14. สวรรค์
         สวรรค์มี 100 ชั้น แต่ละชั้นห่างกันระหว่างชั้นฟ้า และแผ่นดิน สวรรค์ชั้นที่สูงสุด คือชั้นฟิรเดาส์ เหนือสวรรค์มีบัลลังก์ของอัลลอฮ์ ในสวรรค์มีแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำที่เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แม่นำที่เป็นสุรารสอร่อย แม่น้ำที่เป็นน้ำจืดสนิท ในสวรรค์มีต้นไม้ที่พำนักประดับประดาด้วยไข่มุก ชาวสวรรค์จะอยู่ในวัยหนุ่มสาว ไม่มีแก่ชรา ไม่มีการขับถ่าย ความโปรดปรานสูงสุดที่จะได้รับ คือ การได้เห็นพระพักต์ของพระองค์อัลลอฮ์  

          สิ่งที่กล่าวนั้น คือ อนาคตของทุกคนที่จะต้องได้พบอย่างแน่นอน จงเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเราจะวางแผนให้มีชีวิตในโลกหน้าที่มั่นคงและถาวร
read more...

8/12/2553

คำฟัตวาเกี่ยวกับเรื่องการใช้เสียงกุรอานมาทำเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์

mobile ringtonr
สำนัก ข่าวอิสลามออนไลน์รายงานจากการประชุมของ The Saudi-based Islamic Jurisprudence Council, an affiliate of the Muslim World League (MWL)

โดย ในที่ประชุมได้มีการตัดสินชี้ขาด หรือออกคำฟัตวาเกี่ยวกับเรื่องการใช้เสียงกุรอานมาทำเป็นเสียงเรียกเข้าของ โทรศัพท์มือถือ หรือริงโทนว่า ไม่สามารถทำได้
โดยเกรงว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ หากเสียงดังกล่าวดังขึ้นในสถานที่ ที่ไม่เหมาะสม
คำฟัตวาดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมครั้งที่ 19 ของสภาที่มีการขัดเลือกจากผู้เชียวชาญด้านศาสนาจากประเทศต่างๆ มีสมาชิก 70 คน
ร่วมประชุมกันที่มหานครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
จาก http://www.pinonlines.com/
read more...

วันแห่งความรัก‏

เมื่อมันมาเยือน...
ในรุ่งอรุณ  ในสนธยา  ในรัตติกาล
ฤดูกาลแห่งรักขับขาน
เชื้อเชิญ...หมู่ผองผู้อ่อนแอ
เมื่อกลีบกุหลาบงามกรุ่นกลิ่นในห้วงฝัน
ได้เรียงรายบนหัวใจของผู้มืดบอดในศรัทธา
เมื่อเขาได้แสวงหา...วันแห่งความรัก
พินิจเถิด...โอ้ศรัทธาชนแห่งอิสลาม
ฤาจักเดินตามก้นยาฮูดี
ฤาจักลงรู้แย้เฉกนัซรอนี
ฤาจักเคาะประตูสู่ซีนา
จากนั้นแล้ว...จึงหลั่งไหลสู่ขุมนรกเอวจี
เมื่อมันมาเยือน...
ในรุ่งอรุณ  ในสนธยา  ในรัตติกาล
ผลักไสเถิด...โอ้ศรัทธาชนแห่งอิสลาม

                                                     ROTI-MATABA
                                                ฉบับที่ 25 ประจำเดือนกุมภา มีนา เมษา 2551
                                                คอลัมท์ คำนึง(Kham - Nung) .....ปาหนัน
read more...

หนุ่ม - สาว

วันนี้ คิดถึง รู้บ้างไหม
ทำอะไร ทำไม ไม่ติดต่อ

ตื่นตอนไหน ไม่โทรบอก คนเฝ้ารอ
จ้องแต่จอ โทรศัพท์ นับเวลา

กินข้าวยัง หรือไป ไหนมาบ้าง
สารพัดอย่าง สรรหา มาไต่ถาม

ไร้สาระ พูดคุย ไม่นับความ
หลงตาม ชัยฏอน ทุกวันวาน





หนุ่มถาม สาวตอบ มิเชือนช้า
ไม่สน นาฬิกา ที่วนผ่าน

ลืมหน้าที่ ลืมเวลา ลืมวันวาน
ลืมกรุอาน ทางนำ สอนอย่างไร

ลืมไปว่า หนุ่มสาว ต้องขับเคลื่อน
ลืมฟังคำ ตักเตือน ใจมืดไหม้

ลืมนึก ว่าตัวเอง นั้นเป็นใคร
มีหน้าที่ อย่างไร ต่ออิสลาม
ลืมแล้วว่า วันนี้ ทำสิ่งใด
ต้องนำไป ตอบคำถาม ในวันหน้า

ลืมว่าขาด ทุนกับ กาลเวลา
เพราะดวงตา และหัวใจ เมินทางนำ

เพราะหลงสิ่ง ผู้ปฏิเสธ หยิบยื่นให้
หลงคิดไป ว่าอินเทรนด์ นำแฟชั่น

หลงว่าที่ คนหมู่มาก กระทำกัน
คือสิ่งนั้น ไม่อนุมัติ ในอิสลาม
read more...

เมื่อวงจรเดิมๆวนเวียนมาถึง‏

เมื่อวงจรเดิมๆวนเวียนมาถึง ...
... ในวันที่หนัก ...

DSC04046

ในวันที่หนา ...

CIMG1843

ในวันที่ลายตา

DSC04000CIMG1856DSC04048DSC04036CIMG1854CIMG1855

มองไปทางไหนก็ลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยไปหมด
...
....
.....
ที่พักเหนื่อยสำหรับบางคน
อาจจะเป็น ...
..
.
CIMG1844

มุมสงบๆนิ่งๆซักที

CIMG1861DSC04052

ที่พักเหนื่อยสำหรับนักพูด

CIMG1853DSC04006DSC04068

ที่พักเหนื่อยสำหรับนักดู

CIMG1814DSC04039
CIMG1862CIMG1860

ที่พักเหนื่อยสำหรักนักกิน ...
...
..
.
แต่
...
..
.
ยังมีอีกที่หนึ่งที่เราลืมนึกไป
...
..
.
เป็นมุมเล็ก

DSC04065

เป็นที่ที่วางหน้าผากลงไป

y1pczlZmuQxOwxmXOLP6TKuw-EzWRpN57v7suJgf-91GSiNAo4abJXSpKqEhW5XFNp0oahueJTRVWo

ที่นั้นก็ไม่ใช่แค่ที่พักเหนื่อยธรรมดาๆ

แต่
ยัง
เป็นที่
เพิ่มพลัง
อีกด้วยน่ะ


**.. ที่พักเหนื่อยและยามที่เราท้อที่สุดที่นี้จะเป็นที่ที่ทำให้รู้สึกต่ำต้อย และเล็กที่สุดภายใต้ความยิ่งใหญ่ของพระองค์  รู้สึกอบอุ่น..เพราะอัลลอฮทรงเมตตา..ทรงปรานี..ทุกๆอย่าง.. **
read more...

รักแท้คู่ศรัทธา‏

"อัสลามูอาลัยกุม" 
ฉันกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ด้วยเสียงที่หมดแรงเต็มที่
"วาอาลัยกุมมุสลามวาเราะฮมาตุลลอฮ" 
เสียงเขาตอบออกมาอย่างแผ่วเบาไม่แพ้กัน
"ไม่สบายอีกแล้วหรอ"
 อีกแล้ว…เสียงที่แสดงความห่วงใยอีกแล้ว… ช่างห่วงใยจริง ๆ เลยผู้ชายคนนี้
"อืม"  ฉันตอบออกไปสั้น ๆ
"กินข้าวแล้วยัง"
ประโยคเดิมๆ ที่เขาถามทุกวันและเป็นประโยคเดิมๆ ที่เมื่อก่อนมักทำให้ฉันแอบยิ้มเสมอ
"อืม" 
เป็นอีกครั้งที่พูดแค่นี้… แต่ฉันแอบยิ้มคนเดียว  เขาสงสัยแน่เลย ทำไมฉันพูดน้อย
"วันนี้…บังลงพื้นที่มา…เจอเด็ก ๆเยอะเลย   เหนื่อยจัง"
เขาเริ่มพูดในสิ่งที่ฉันมักกระตือรือร้นเสมอ  ฉันชอบฟังในเรื่องที่เขาเล่า
"อืม" 
คำเดิม  แต่ความรู้สึกของฉันไม่เหมือนเดิม…หวั่นไหวมากขึ้น
……………………………………………………………………………………..
"ไม่สบายอีกแล้วหรอ โดนแดดอีกละซี บอกแล้วว่าให้ระวัง ไม่ไหวเลยนะ ดูแลคนอื่นดีนักเชียว…แต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง แล้วข้าวนี้ยังไม่กินใช่ไหม   ไม่ไหวเลยนะ…แบบนี้"
เมื่อไรจะหยุดพูดซักทีนะ   ฉัน…กำลังจะแพ้…อีกแล้ว....
"แค่นี้ก่อนแล้วกัน คลื่นไส้"  
ฉันรีบพูดออกไป เพราะอาการผะอืดผะอมที่เป็นตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง…และมันจะเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อฉัน…เครียด
"อย่าว่างสายนะ บังเป็นห่วง"
ฉันได้ยินเสียงเขาตะโกนออกมา ก่อนที่ฉันจะอาเจียนจนหมดแรง และทุกอย่างกลายเป็นสีดำไปหมดในความรู้สึกฉัน
"เป็นไงบ้าง! รู้ไหม  ตอนที่เธอเป็นลมไป  บังเขาโทรตามพวกฉัน  ตามยาม  แล้วก็ตามเธอมาที่โรงพยาบาลนี่แหละ"
เพื่อนฉันรีบบอก ทันทีที่ฉันลืมตาขึ้น หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมา
ฉันเหลือบไปมองหน้าเขา เห็นความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาห่วงฉันมากจริงๆ มากซะจนลืมคิดถึง…อะไรบางอย่าง…

"เธอนะโชคดีรู้ไหม  ที่บังเขาคอยเป็นห่วง  ทั้งๆ ที่บังเขาไม่เคยใส่ใจใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ  พวกกะที่อยู่เอกเดียวกับบังเขาบอกว่า  บังเขาแทบจะไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย  เธอนะโชคดีนะ  ที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งหัวใจละลายได้  ใคร ๆ ก็อิจฉากันทั้งนั้น" 
เพื่อนของฉันแย่งกันพูด  หลังจากที่เขาขอตัวไปละหมาด  จนฉันหันซ้ายหันขวาตามแทบไม่ทัน  นอกจากยิ้ม…และยิ้ม !
"โชคดี" คำนั้นหลุดจากริมฝีปากของฉัน
ฉันหมดแรง หมดแรงทั้งกายและใจ ไม่ใช่เพราะอะไร แต่มันเกิดจากการที่ฉันรู้สึกผิด รู้สึกผิดต่ออัลลอฮ  ที่นับวันฉันเข้าใกล้คำว่าซินามากขึ้นทุกทีทุกที
   ฉันหมดแรง  เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้น…ฉันใช้เวลาหลัง มักริบไปกับการคุยโทรศัพท์ ไปกับการแอบอมยิ้มเมื่อรู้ว่า…เขาเป็นห่วง   กับการหัวเราะกับเรื่องที่เขาเอามาเล่า
   ………………………………………………………………………………………..
   ความรู้สึกของฉันไม่เหมือนเดิมเพราะฉันไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนรู้จัก อีกต่อไป  ฉันรู้สึกกับเขามากกว่านั้น  พี่ชายหรอ  เพื่อนสนิท คนรัก หรือ…อะไร   ฉันก็ไม่สามารถตอบได้
ฉัน รู้แต่ว่าฉันเป็นห่วง ฉันแคร์ และรู้สึกดีเมื่อรับรู้ว่าเขาก็คิดไม่ต่างจากฉัน แต่…เมื่อฉันนั่งทบทวนดูแล้ว ฉันไม่พบคำว่าพี่ชายกับผู้ชายต่างสายเลือดตามหลักการอิสลาม
   ฉันไม่พบคำว่า  คนรักตามหลักการของอิสลาม  นอกจากคนที่แต่งงานกันแล้ว  และฉันก็ไม่เคยรับรู้  ว่าคำว่าเพื่อนสนิทระหว่างชายกับหญิงจะมีตัวอย่างมันให้เห็นในสมัยนบี
   ฉันกับเขาเป็นอะไรกัน…เขาถึงได้ห่วงใยฉันขนาดนี้ ฉันไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ พอ ๆ กับที่ฉันไม่สามารถตอบกับอัลลอฮได้เช่นกัน
……………………………………………………………………….
…………………………………………………………….
   ฉันรับรู้แค่เพียงว่า สำหรับชายหญิงที่ไม่ใช่พี่น้องและไม่ได้แต่งงานแล้ว…การเข้าใกล้เกินขอบเขต…นั้นคือซินา
"ขอบ คุณสำหรับความห่วงใย…แต่จะดีกว่านี้หากเราเดินตามแนวทางของอัลลอฮ ไม่มีคำว่าเพื่อนสนิท คนรัก หรือพี่ชายสำหรับเราสองคน เพราะอิสลามไม่อนุมัติ เชื่อว่าบังคงเดินตามแนวทางที่ถูกต้อง มาอัฟด้วยที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นภาระกับบังตลอด และมาอัฟมากๆ เลย ที่เป็นคนดึงให้บังตกต่ำลงจากที่ๆ บังเคยอยู่"
"แท้จริงแล้วชายที่ดี  ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี  คิดว่าบังน่าจะหาคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่าผู้หญิงที่อ่อนแอทั้งกายและอีหม่าน คนนี้  อัสลามูอาลัยกุม"
-------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------

   หลังจากจบประโยคนั้น เธอก็ว่างสายไป จากการคุยกับเธอทำให้ผมได้รู้ว่า เธอรู้สึกผิดมากที่ทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยโทรหาผู้หญิงอย่างผม ต้องโทรหาเธอทุกคืน เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเริ่มต้นที่ทำให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ดี ที่ตัวเองไม่เคยทำ เธอทำให้ผมละอาย
   เมื่อก่อน…เธอคุยกับผู้คนไม่เลือก และไม่ปฏิเสธที่จะคุยกับผม
   เมื่อก่อน…เธอไม่อ่านอัลกรุอานทุกวัน
   เมื่อก่อน…เธอใส่หิญาบผืนสั้นนิดเดียว
   เมื่อก่อน…เธอทั้งพูดและหัวเราะเสียงดัง

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมโทรหาเธอทุกคืน
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมไม่มีเวลาอ่านอัลกรุอาน
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมทำอะม้าลน้อยลง
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะคุยกับเธอ
   แต่…ผมมักจะหยิบยื่นหนังสือที่เกียวกับอิสลามให้เธอเสมอ เพราะเธอบอกว่า เธอรู้น้อยเพราะเรียนสามัญมา
   แต่…หนังสือพวกนั้น…ทำให้เธอห่างไกลจากผมทุกที ๆ 
เธอเปลี่ยนไป  ในขณะที่ผมเหมือนเดิม
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
เธอ…มักจะไม่รับโทรศัพท์ผมหลังมักริบ  เพราะอ้างว่าอ่านอัลกรุอาน
เธอ…ไม่คุยกับผมหลังอีซา เพราะเธอจะไปทำฮาลาเกาะ
เธอ…ไม่คุยกับผมตอนเช้า เพราะบอกว่าอ่านอัซกัร
เธอ…พูดกับผมน้อยลง  เพราะบอกว่า…ไม่มีอะไร!  จะพูด !
ผมเสียเธอไป…เพราะหนังสือ…ที่ผมเป็นคนหยิบยื่นให้ การที่คนเราไม่ใช่เนื้อคู่กันนั้นเป็นเพราะความดีของเราไม่มากพอกับความดี ของเขา หรือเป็นเพราะความดีของเขาไม่มากพอกับความดีของเรา แท้จริงแล้ว…ชายที่ดี…ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี
   เธอบอกให้ผมเลิกโทรหาเธอ  พร้อมกับฝากข้อความนี้มากับเพื่อนของเธอ
   = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

"แล้วพ่อไปติดต่อแม่ยังไงค่ะ" เด็กสาววัย 18 ถามขึ้น
"พ่อก็ให้ปู่กับย่า ไปคุยกับตากับยาย หลังจากที่พ่อเรียนจบโท" 
ผมตอบ  พร้อมกับหันไปยิ้มกับเธอที่นั่งเย็บผ้าฟังผมเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟัง
"แล้วแม่รู้ได้ไงครับว่าความดีของพ่อกับแม่คู่ควรกัน" 
ลูกชายซึ่งกลับมาจากมอ.ปัตตานีถามขึ้น
"ก็ ดูพฤติกรรมของพ่อเขาซี พ่อเขาก็เหมือนเดิม หลังจากที่คุยกับแม่ครั้งหลังสุด กลับไปอ่านอัลกรุอาน ละหมาดสุนัต และอยู่กับอัลลอฮมากขึ้น จากคำบอกเล่าของน้าชายเราไง"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ชายที่ดี ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี จริงๆ ด้วยค่ะ และลูกก็ดีใจที่ทั้งสองคนเป็นพ่อกับแม่ของหนู"
 เด็กสาววัยรุ่นสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครัว

   ใช่…ชายที่ดี…ย่อมคู่กับหญิงที่ดี…

--
-----------------------
เว็บบอร์ดชมรมมุสลิมสบพ.
http://www.muslimcatc.ob.tc
read more...

ข้อชี้แจงเกี่ยวกับจดหมายลูกโซ่จากผู้ดูแลมัสยิดอันนะบาวีย์‏

ข้อชี้แจงเกี่ยวกับจดหมายลูกโซ่จากผู้ดูแลมัสยิดอันนะบาวีย์

คำถาม ฉันอยากได้คำชี้แจงเกี่ยวกับข้อความที่มีการส่งต่อผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

หมายเหตุ ในกรอบด้านล่างนี้เป็นเนื้อหาจดหมายลูกโซ่ที่ระบาดในภาษาไทย ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกันกับที่มีการตั้งคำถามในเว็บอิสลามทูเดย์ แต่สำนวนอาจจะแตกต่างบ้างเล็กน้อย - บรรณาธิการ
จดหมายจากด่วนประเทศอาหรับซาอุดิอาราเบีย

เรื่อง      คำสั่งเสียแก่อุมมัตอิสลามทั่วโลก
อัสลามุอาลัยกุม
นี้คือคำสั่งเสียจากคนเฝ้าสุสานของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) ท่านแซะฮ์อะหมัดแห่งซาอุดิอารเบีย(จดหมายนี้เดิมเป็นภาษาต่างประเทศและได้แปลเป็นภาษาไทย) ในคืนหนึ่งในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอ่านอัลกรุอ่านที่มากอม (สุสาน ของท่านนบีมูฮัมหมัด ซ.ล) หลังจากอ่านเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าก็เผลอหลับไป ในขณะที่ข้าพเจ้าหลับ ข้าพเจ้าได้ฝันว่าท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล)ได้มาหาข้าพเจ้าแล้วกล่าวแก่ ข้าพเจ้าว่า ในแปดหมื่นคนที่ได้เสียชีวิตไปในสมัยนี้ไม่มีเลยคนที่เสียชีวิตที่มี   อีหม่าน
1. ภรรยาไม่ยอมฟังคำพูดสามี
2. คนรวยไม่สนใจต่อคนจน
3. ผู้คนไม่ยอมจ่ายซะกาตและไม่ยอมทำความดี
ด้วยเหตุดังกล่าว โอ้แซะฮ์อะหมัดเจ้าสมควรเตือนสติต่อคนอิสลามนี้เพื่อที่จะกระทำความดี เพราะว่าวันสิ้นโลก (กียามัต ) จะมาถึงแล้ว ซึ่งในวันนั้นเจ้าจะเห็นดวงดาวท้องฟ้าอย่างชัดเจนหลังจากนั้นดวงอาทิตย์จะลงมาอยู่ใกล้ศีรษะ

คำสั่งเสียของข้าพเจ้า
1. จงซอลาวัตแด่ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล)
2. จงขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ โดยทันทีทันใดในขณะที่ประตู เตาบัตยังเปิดอยู่
3. จงละหมาดเถิด ก่อนที่ท่านจะถูกละหมาด มะยัต ” (ศพ)
4. จงจ่ายซะกาต อย่าทิ้งการจ่ายซะกาต
5. จงทำฟัรดูฮัจยี ยามเมื่อเจ้ามีความสามารถ
6. จงอย่าทรยศต่อพ่อแม่ทั้งสอง
สิ่งที่ควรรู้ มีมุสลิมชาวบอมเบย์คนหนึ่ง หลังจากได้รับจดหมายได้ทำเพิ่มขึ้นอีก 20 ฉบับและได้แจกจ่ายให้กับคนอื่น หลังจากนั้นเขาได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ โดยได้รับผลกำไรอันใหญ่หลวงในการค้าขายของเขา
มีบ่าวของอัลลอฮ์อีกคนได้รับจดหมายนี้แล้วทำเป็นไม่สนใจและคิดว่าคำสั่งเสียนี้หลอกลวงปรากฏว่าไม่นานลูกเขาถึงแก่ความตาย
ท่าน เสรีค่อซาหลี ยาไวย์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีใหญ่แห่งเปรักโดยทางอ้อมท่านโดนไล่ออกจากตำแหน่งเพราะ เมื่อท่านได้รับคำสั่งเสียฉบับนี้ท่านได้ลืมทำเพิ่มเพื่อแจกจ่ายแก่คนอื่น แต่ท่านไม่รู้ตัวถึงความผิดพลาดนี้ต่อมาท่านได้ทำจดหมายฉบับนี้เพิ่มขึ้น ใหม่และได้ส่งต่อไปยังคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่วันท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีปี ค.ศ. 1997 หรือ พ.ศ 2540
ที่ ตรังกานูก็เช่นกันมีบ่าวของอัลลอฮ์คนหนึ่งเขาได้รับจดหมายฉบับนี้จากคนที่ เขาไม่รู้จักแล้วเขาก็ไม่สนใจต่อมัน เขากล่าวว่าจดหมายโกหกทั้งนั้น มีเจตนาให้คนอ่านกลัว แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ได้รับโรคที่แปลกประหลาดแสนสาหัส หลังจากได้รับรักษาที่โรงพยาบาล 3 สัปดาห์ โรคของเขาก็ยากที่จะเยียวยา โดยสุดท้ายก็นึกถึงจดหมายคำสั่งเสียที่เขายังเก็บไว้ แล้วเขาสั่งให้พิมพ์เพิ่มขึ้น 20 ฉบับ และได้แจกจ่ายให้กับคนอื่นภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ แล้วโรคที่เป็นอยู่ก็เริ่มหายเป็นปกติจนถึงปัจจุบัน   ยัง มีตัวอย่างอีกมากมายที่ได้รับจดหมายนี้แล้วไม่เชื่อต่อคำสั่งเสียและไม่ส่ง ต่อให้กับคนอื่นหรือไม่บอกแก่คนอื่นซึ้งพวกเขาเหล่านั้นได้รับภัยพิบัติหลัง จากเหตุการณ์แห่งน่ายินดีนี้ทำให้ท่านมั่นใจ อย่าลืมทำจดหมายนี้เพิ่มขึ้น 20 ฉบับ และส่งให้กับคนอื่นในเวลา 96 ช.ม หลังจากท่านได้รับแล้ว อินชาอัลลอฮ์ ท่านจะได้รับอะไรบางอย่างจากอัลลอฮ์ผู้ทรงมีความสามารถยิ่งด้วยความศรัทธา แน่นอนจะชี้นำทางชีวิตของท่านด้วยเมตตาแห่งความสุขในชีวิตอินชาอัลลอฮ์

คำเตือน หลังจากได้อ่านคำสั่งเสียนี้แล้วสมควรเขียนขึ้นหรือพิมพ์ขึ้นแล้วส่งให้กับคนอื่นจำนวน 20 ฉบับ หากท่านได้ปฏิบัติท่านจะได้รับความดีบางอย่าง หรือธุระของท่านได้รับความสำเร็จ โดยอนุญาตของอัลลอฮ์ ท่านแซะฮ์อะห์มัดได้กล่าวอีกว่า หากอันไหนที่ ข้าพเจ้ากล่าวนี้ไม่เป็นความจริง ขอให้ข้าพเจ้าตายในกุฟูร และไม่ได้รับความคุ้มครองช่วยเหลือจากท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) (นาอุซุบิลละฮ์) ดังนั้นท่านสมควรเขียนหรือพิมพ์และส่งให้กับคนอื่น อินชาอัลลอฮ์ ภายใน 2 สัปดาห์ท่านจะได้รับความสุข และจงจำไว้ว่า จงทำด้วยใจบริสุทธิ์ และอย่าทำเล่น ๆ หรือปล่อยปละละเลยไม่สนใจคำสั่งเสียนี้

ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการ
วัสลาม

ขอให้ท่านช่วยให้คำตอบเกี่ยวกับจดหมายนี้ด้วย

คำตอบ
จดหมาย ฉบับนี้ถูกเขียนในรูปแบบการสั่งเสียและเผยแพร่แก่ผู้คนทั่วไป ซึ่งปรากฏขึ้นเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว เนื้อหาในจดหมายอาจมีความแตกต่างไปบ้างเนื่องจากเป็นจดหมายลูกโซ่ถูกส่งต่อๆ กัน ซึ่งผู้รับก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าต้นตอของจดหมายฉบับนั้นมีมาจากไหน เข้า ใจว่าจดหมายนี้อาจจะมาจากพวกศูฟีย์ ที่ยึดถือความฝันเป็นหลักฐานในการอ้างอิง โดยไม่คำนึงว่าความฝันนั้นอาจจะขัดแย้งกับตัวบทอัลกุรอานและอัซซุนนะฮฺหรือ ไม่ ในบางครั้งพวกเขายึดมั่นในความฝันมากกว่ายึดมั่นในตัวบทอัลกุรอานและอัซซุน นะฮฺด้วยซ้ำ
ส่วน จุดยืนของอะฮฺลุซซุนนะฮฺเกี่ยวกับความฝันนั้น คือ หากความฝันนั้นไม่ใช่ความฝันของนบีหรือเราะซูล ต้องพิจารณาดูก่อนว่ามันสอดคล้องหรือขัดแย้งกับหลักศาสนาหรือไม่ หากพบว่ามันไม่มีข้อขัดแย้งได้ก็สามารถที่จะนำมาใช้ได้ แต่ถ้าหากความฝันนั้นไปขัดแย้งกับตัวบทอัลกุรอานและอัซซุนนะฮฺความฝันนั้น ถือว่าเป็นโมฆะ จะนำมาอ้างเป็นหลักฐานมิได้ เนื่องจากในความฝันไม่มีใครรับรองได้ว่ามันถูกต้องเสมอไป ที่สำคัญความฝันอาจจะเป็นสิ่งตักเตือนจิตใจในกรณีที่มันสอดคล้องกับหลัก ศาสนาแต่หากมันขัดแย้งกับหลักศาสนาความฝันนั้นก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
จดหมาย ฉบับนี้เมื่อผู้รับเปิดอ่านแล้วบางคนอาจเกิดความหวาดกลัวหากไม่ปฏิบัติตามใน สิ่งที่จดหมายได้สั่งให้ทำแล้วจะเกิดความหายนะต่อตนเองและครอบครัว
จดหมาย ลักษณะเช่นนี้มิได้เพิ่งปรากฏมาใหม่แต่มันแพร่หลายเป็นเวลานานแล้ว บุคคลที่ระบุในจดหมายก็มิได้มีตัวตนที่แท้จริง ทุกอย่างเป็นการปรุงแต่งขึ้นมา ผู้ที่มีความศรัทธาที่มั่นคงจะไม่หลงเชื่อในเรื่องเหล่านี้ พวกเขาจะไม่ทำการเผยแพร่จดหมายลูกโซ่ที่ไร้ที่มาเช่นนี้ต่อ และพวกเขาก็มิได้หวั่นเกรงภยันตรายดังที่ระบุในจดหมาย เพราะมันมิได้เกิดขึ้นจริง เว้นแต่พระประสงค์ของอัลลอฮฺ ส่วนเรื่องภาคผลหรือผลตอบแทนสำหรับผู้ที่นำจดหมายนี้ไปเผยแพร่ต่อนั้นไม่มี หลักฐานใดมายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวจะได้รับผลตอบแทนที่ดีงามจริง ขนาดพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเองก็มิได้มีหลักฐานว่าหากนำไปพิมพ์เผยแพร่แจก จ่ายจะได้ผลบุญอย่างนั้นอย่างนี้
ชัยคฺ อับดุลอาซิซ บิน อับดุลลอฮฺ บิน บาซ อดีตมุฟตีย์ แห่งซาอุดีอาระเบีย ได้กล่าวในหนังสือรวบคำฟัตวาของท่านว่า ใน จดหมายที่เป็นคำสั่งเสียนี้มีเรื่องโกหกมดเท็จอยู่ ถึงแม้ว่าผู้ที่นำมาเผยแพร่จะสาบานต่ออัลลอฮฺเป็นพันครั้งว่ามันเป็นความ จริงก็ตาม หรือแม้ว่าเขาจะขอดุอาอ์ให้ประสบกับความหายนะ ถ้าหากเขาพูดโกหกก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ เรื่องที่กล่าวในจดหมายฉบับนั้นข้าพเจ้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่ามันไม่เป็นความ จริงแต่อย่างใด ข้าพเจ้าขอให้อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน มวลมลาอิกะฮฺ และบรรดามุสลิม ช่วยเป็นพยานด้วยว่า คำสั่งเสียนี้เป็นการโกหกกล่าวเท็จต่อท่านนบีมุหัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขอให้พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่กุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา"


สิ่งบ่งชี้ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นเรื่องโกหก

1.      ชัยคฺอะหมัด ที่ระบุในจดหมายว่าท่านเป็นผู้ถือกุญแจมัสยิดนบี เป็นบุคคลที่ไม่มีใครรู้จัก ดังนั้นจดหมายนี้ไม่ทราบว่ามีแหล่งที่มาจากแห่งใด

2.      เนื้อหา ในจดหมายที่กล่าวถึงความเสื่อมโทรมทางจริยธรรมในสังคมนั้น หนทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวที่ถูกต้องนั้น ประชาชาติมุสลิมต้องหันกลับไปยึดมั่นกับอัลกุรอานและอัซซุนนะฮฺอย่างมั่นคง คำสอนที่บรรจุในสองสิ่งนี้เป็นคำสอนที่สุดประเสริฐ ครอบคลุมทุกแง่มุม มีทั้งสัญญาที่ดีสำหรับผู้ศรัทธาและสัญญาไม่ดีสำหรับผู้เนรคุณ มีทั้งสิ่งที่ทำให้จิตใจหวั่นเกรง ฯลฯ ทั้งหมดนั้นเป็นการเพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องนำความฝันที่อุปโลกน์มาตักเตือน อีก
3.      เนื้อหา ในจดหมายนี้ที่กล่าวถึงสัญญาณวันกิยามะฮฺนั้นเป็นเรื่องพ้นญาณวิสัย (อิลมุ้ลฆ็อยบฺ) ไม่อนุญาตให้ผู้ใดกล่าวอ้างขึ้นมาโดยปราศจากหลักฐาน ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
قُلْ لَا يَعْلَمُ مَنْ فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ الْغَيْبَ إِلَّا اللَّهُ وَمَا يَشْعُرُونَ أَيَّانَ يُبْعَثُونَ (النمل :65)
ความว่า จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย นอกจากอัลลอฮฺ และพวกเขาจะไม่รู้ว่า เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ สูเราะฮฺ อันนัมลฺ อายะฮฺที่ 65
ส่วน การประทานวะหฺยูก็ได้สิ้นสุดลงหลังจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เสียชีวิต ดังนั้นคำสอนเกี่ยวกับเรื่องสัญญาณวันกิยามะฮฺที่มีในอัลกุรอ่านและอัซซุนนะ ฮฺถือว่าเพียงพอและครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

4.      เนื้อหา ในจดหมายนี้มีความแตกต่างกัน บางฉบับเขียนว่าเป็นการฝัน บางฉบับเขียนว่าเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้านอนในขณะที่รู้สึกตัว บางฉบับเขียนว่าจากผู้ดูแลมัสยิดอันนะบาวีย์ บางที่ก็เขียนว่าผู้ดูแลสุสานของท่านนบี บางฉบับก็เขียนว่าจากผู้ถือกุญแจมัสยิดอัลหะรอม ตลอดจนมีความขัดแย้งในการกำหนดผลตอบแทนสำหรับผู้นำจดหมายไปเผยแพร่ต่อยังผู้ อื่น สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ชัดถึงความมดเท็จในจดหมายฉบับนี้

วัลลอฮุอะอฺลัม (อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรอบรู้ดี)
ขอความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านนบีมุหัมหมัดของเรา


เขียนโดย ดร.สุลัยมาน บิน มุหัมหมัด อัดดุบัยคีย์ อาจารย์วิทยาลัยครูแห่งหาอิล
ถอดความโดย อันวา สะอุ (เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2008)
ที่มา  http://www.islamtoday.net/questions/show_question_content.cfm?id=119017
read more...