This is Islam

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ stories แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ stories แสดงบทความทั้งหมด

8/12/2553

รักแท้คู่ศรัทธา‏

"อัสลามูอาลัยกุม" 
ฉันกรอกเสียงลงในโทรศัพท์ด้วยเสียงที่หมดแรงเต็มที่
"วาอาลัยกุมมุสลามวาเราะฮมาตุลลอฮ" 
เสียงเขาตอบออกมาอย่างแผ่วเบาไม่แพ้กัน
"ไม่สบายอีกแล้วหรอ"
 อีกแล้ว…เสียงที่แสดงความห่วงใยอีกแล้ว… ช่างห่วงใยจริง ๆ เลยผู้ชายคนนี้
"อืม"  ฉันตอบออกไปสั้น ๆ
"กินข้าวแล้วยัง"
ประโยคเดิมๆ ที่เขาถามทุกวันและเป็นประโยคเดิมๆ ที่เมื่อก่อนมักทำให้ฉันแอบยิ้มเสมอ
"อืม" 
เป็นอีกครั้งที่พูดแค่นี้… แต่ฉันแอบยิ้มคนเดียว  เขาสงสัยแน่เลย ทำไมฉันพูดน้อย
"วันนี้…บังลงพื้นที่มา…เจอเด็ก ๆเยอะเลย   เหนื่อยจัง"
เขาเริ่มพูดในสิ่งที่ฉันมักกระตือรือร้นเสมอ  ฉันชอบฟังในเรื่องที่เขาเล่า
"อืม" 
คำเดิม  แต่ความรู้สึกของฉันไม่เหมือนเดิม…หวั่นไหวมากขึ้น
……………………………………………………………………………………..
"ไม่สบายอีกแล้วหรอ โดนแดดอีกละซี บอกแล้วว่าให้ระวัง ไม่ไหวเลยนะ ดูแลคนอื่นดีนักเชียว…แต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง แล้วข้าวนี้ยังไม่กินใช่ไหม   ไม่ไหวเลยนะ…แบบนี้"
เมื่อไรจะหยุดพูดซักทีนะ   ฉัน…กำลังจะแพ้…อีกแล้ว....
"แค่นี้ก่อนแล้วกัน คลื่นไส้"  
ฉันรีบพูดออกไป เพราะอาการผะอืดผะอมที่เป็นตั้งแต่เมื่อเช้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง…และมันจะเป็นแบบนี้เสมอ เมื่อฉัน…เครียด
"อย่าว่างสายนะ บังเป็นห่วง"
ฉันได้ยินเสียงเขาตะโกนออกมา ก่อนที่ฉันจะอาเจียนจนหมดแรง และทุกอย่างกลายเป็นสีดำไปหมดในความรู้สึกฉัน
"เป็นไงบ้าง! รู้ไหม  ตอนที่เธอเป็นลมไป  บังเขาโทรตามพวกฉัน  ตามยาม  แล้วก็ตามเธอมาที่โรงพยาบาลนี่แหละ"
เพื่อนฉันรีบบอก ทันทีที่ฉันลืมตาขึ้น หลังจากที่ฉันฟื้นขึ้นมา
ฉันเหลือบไปมองหน้าเขา เห็นความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาห่วงฉันมากจริงๆ มากซะจนลืมคิดถึง…อะไรบางอย่าง…

"เธอนะโชคดีรู้ไหม  ที่บังเขาคอยเป็นห่วง  ทั้งๆ ที่บังเขาไม่เคยใส่ใจใครมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ  พวกกะที่อยู่เอกเดียวกับบังเขาบอกว่า  บังเขาแทบจะไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย  เธอนะโชคดีนะ  ที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งหัวใจละลายได้  ใคร ๆ ก็อิจฉากันทั้งนั้น" 
เพื่อนของฉันแย่งกันพูด  หลังจากที่เขาขอตัวไปละหมาด  จนฉันหันซ้ายหันขวาตามแทบไม่ทัน  นอกจากยิ้ม…และยิ้ม !
"โชคดี" คำนั้นหลุดจากริมฝีปากของฉัน
ฉันหมดแรง หมดแรงทั้งกายและใจ ไม่ใช่เพราะอะไร แต่มันเกิดจากการที่ฉันรู้สึกผิด รู้สึกผิดต่ออัลลอฮ  ที่นับวันฉันเข้าใกล้คำว่าซินามากขึ้นทุกทีทุกที
   ฉันหมดแรง  เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้น…ฉันใช้เวลาหลัง มักริบไปกับการคุยโทรศัพท์ ไปกับการแอบอมยิ้มเมื่อรู้ว่า…เขาเป็นห่วง   กับการหัวเราะกับเรื่องที่เขาเอามาเล่า
   ………………………………………………………………………………………..
   ความรู้สึกของฉันไม่เหมือนเดิมเพราะฉันไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นแค่คนรู้จัก อีกต่อไป  ฉันรู้สึกกับเขามากกว่านั้น  พี่ชายหรอ  เพื่อนสนิท คนรัก หรือ…อะไร   ฉันก็ไม่สามารถตอบได้
ฉัน รู้แต่ว่าฉันเป็นห่วง ฉันแคร์ และรู้สึกดีเมื่อรับรู้ว่าเขาก็คิดไม่ต่างจากฉัน แต่…เมื่อฉันนั่งทบทวนดูแล้ว ฉันไม่พบคำว่าพี่ชายกับผู้ชายต่างสายเลือดตามหลักการอิสลาม
   ฉันไม่พบคำว่า  คนรักตามหลักการของอิสลาม  นอกจากคนที่แต่งงานกันแล้ว  และฉันก็ไม่เคยรับรู้  ว่าคำว่าเพื่อนสนิทระหว่างชายกับหญิงจะมีตัวอย่างมันให้เห็นในสมัยนบี
   ฉันกับเขาเป็นอะไรกัน…เขาถึงได้ห่วงใยฉันขนาดนี้ ฉันไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ พอ ๆ กับที่ฉันไม่สามารถตอบกับอัลลอฮได้เช่นกัน
……………………………………………………………………….
…………………………………………………………….
   ฉันรับรู้แค่เพียงว่า สำหรับชายหญิงที่ไม่ใช่พี่น้องและไม่ได้แต่งงานแล้ว…การเข้าใกล้เกินขอบเขต…นั้นคือซินา
"ขอบ คุณสำหรับความห่วงใย…แต่จะดีกว่านี้หากเราเดินตามแนวทางของอัลลอฮ ไม่มีคำว่าเพื่อนสนิท คนรัก หรือพี่ชายสำหรับเราสองคน เพราะอิสลามไม่อนุมัติ เชื่อว่าบังคงเดินตามแนวทางที่ถูกต้อง มาอัฟด้วยที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นภาระกับบังตลอด และมาอัฟมากๆ เลย ที่เป็นคนดึงให้บังตกต่ำลงจากที่ๆ บังเคยอยู่"
"แท้จริงแล้วชายที่ดี  ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี  คิดว่าบังน่าจะหาคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่าผู้หญิงที่อ่อนแอทั้งกายและอีหม่าน คนนี้  อัสลามูอาลัยกุม"
-------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------

   หลังจากจบประโยคนั้น เธอก็ว่างสายไป จากการคุยกับเธอทำให้ผมได้รู้ว่า เธอรู้สึกผิดมากที่ทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยโทรหาผู้หญิงอย่างผม ต้องโทรหาเธอทุกคืน เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเริ่มต้นที่ทำให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ดี ที่ตัวเองไม่เคยทำ เธอทำให้ผมละอาย
   เมื่อก่อน…เธอคุยกับผู้คนไม่เลือก และไม่ปฏิเสธที่จะคุยกับผม
   เมื่อก่อน…เธอไม่อ่านอัลกรุอานทุกวัน
   เมื่อก่อน…เธอใส่หิญาบผืนสั้นนิดเดียว
   เมื่อก่อน…เธอทั้งพูดและหัวเราะเสียงดัง

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมโทรหาเธอทุกคืน
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมไม่มีเวลาอ่านอัลกรุอาน
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมทำอะม้าลน้อยลง
   ตั้งแต่รู้จักกัน…ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะคุยกับเธอ
   แต่…ผมมักจะหยิบยื่นหนังสือที่เกียวกับอิสลามให้เธอเสมอ เพราะเธอบอกว่า เธอรู้น้อยเพราะเรียนสามัญมา
   แต่…หนังสือพวกนั้น…ทำให้เธอห่างไกลจากผมทุกที ๆ 
เธอเปลี่ยนไป  ในขณะที่ผมเหมือนเดิม
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
เธอ…มักจะไม่รับโทรศัพท์ผมหลังมักริบ  เพราะอ้างว่าอ่านอัลกรุอาน
เธอ…ไม่คุยกับผมหลังอีซา เพราะเธอจะไปทำฮาลาเกาะ
เธอ…ไม่คุยกับผมตอนเช้า เพราะบอกว่าอ่านอัซกัร
เธอ…พูดกับผมน้อยลง  เพราะบอกว่า…ไม่มีอะไร!  จะพูด !
ผมเสียเธอไป…เพราะหนังสือ…ที่ผมเป็นคนหยิบยื่นให้ การที่คนเราไม่ใช่เนื้อคู่กันนั้นเป็นเพราะความดีของเราไม่มากพอกับความดี ของเขา หรือเป็นเพราะความดีของเขาไม่มากพอกับความดีของเรา แท้จริงแล้ว…ชายที่ดี…ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี
   เธอบอกให้ผมเลิกโทรหาเธอ  พร้อมกับฝากข้อความนี้มากับเพื่อนของเธอ
   = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
 = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

"แล้วพ่อไปติดต่อแม่ยังไงค่ะ" เด็กสาววัย 18 ถามขึ้น
"พ่อก็ให้ปู่กับย่า ไปคุยกับตากับยาย หลังจากที่พ่อเรียนจบโท" 
ผมตอบ  พร้อมกับหันไปยิ้มกับเธอที่นั่งเย็บผ้าฟังผมเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟัง
"แล้วแม่รู้ได้ไงครับว่าความดีของพ่อกับแม่คู่ควรกัน" 
ลูกชายซึ่งกลับมาจากมอ.ปัตตานีถามขึ้น
"ก็ ดูพฤติกรรมของพ่อเขาซี พ่อเขาก็เหมือนเดิม หลังจากที่คุยกับแม่ครั้งหลังสุด กลับไปอ่านอัลกรุอาน ละหมาดสุนัต และอยู่กับอัลลอฮมากขึ้น จากคำบอกเล่าของน้าชายเราไง"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ชายที่ดี ย่อมคู่ควรกับหญิงที่ดี จริงๆ ด้วยค่ะ และลูกก็ดีใจที่ทั้งสองคนเป็นพ่อกับแม่ของหนู"
 เด็กสาววัยรุ่นสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครัว

   ใช่…ชายที่ดี…ย่อมคู่กับหญิงที่ดี…

--
-----------------------
เว็บบอร์ดชมรมมุสลิมสบพ.
http://www.muslimcatc.ob.tc
read more...

4 wife‏

ชายคนหนึ่งมีภรรยาอยู่ 4 คน

ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจ ตลอดอยากได้อะไร เขาหาให้ ทุกอย่าง
ภรรยาคน ที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้ และจะไปหา ภรรยาคนนี้เสมอ
ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้ง คราว
ภรรยาคน ที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไป หาไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ

ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรงและถูกจับ
ต้องถูก ประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้อง ว่า
เขาขอกลับบ้านเพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง
ผู้คุมเห็นใจจึง อนุญาต

เมื่อกลับ มาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1
เล่า เหตุการณ์ต่างๆ ให้ ฟังและถามภรรยา คนที่ 1 ว่า "
ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 1 จะ ทำอย่างไร? "
ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า " ถ้าเธอตาย เราก็จบ กัน"
คำตอบที่ได้รับ เหมือนสายฟ้าที่ผ่า เปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่าง จัง
เขารู้สึกเจ็บปวดและเสียใจเป็นอย่าง ยิ่งนึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้ เลย

จากนั้นเขาก็ ไปหาภรรยาคนที่ 2 ด้วยอาการเศร้าโศก
เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟังและถามคำถาม
เดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 จะทำอย่างไร?
ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะมี ใหม่ "
เหมือนสาย ฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขาอย่างจัง เขารู้สึกเสียใจ มาก และนึก
เสียดายว่าที่ผ่านมาเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน
เขาเดินคอตก

มาหาภรรยาคนที่ 3 เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง
และถามภรรยา คนที่ 3 ว่า" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 3
จะทำ อย่างไร? "ภรรยา คนที่ 3 ตอบว่า " ถ้าเธอตาย ฉันจะไป ส่ง "
ทำให้เขา คลายความเศร้าโศกขึ้นมาได้ บ้าง
อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับ เขา

ก่อนกลับไป รับโทษ เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคนซึ่งไม่
เคยไปหาเลยจึงไป หาภรรยาคนที่ 4
และถามว่า" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 จะทำอย่าง ไร? "
ภรรยาคน ที่ 4 ตอบว่า "ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย "
แทนที่เขา จะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก
เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขา
มีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคน นี้
แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ ด้วย
แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร และเมื่อเขาตาย
ภรรยาคน ที่ 4 ก็ตายตามไปด้วย.....

เราทุกคนก็มีภรรยา 4 คน นี้
มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร ? ลองคิดกันก่อน นะ
แล้วค่อยดูเฉลย
....................................................................................

ทีนี้เรามาดูกัน ว่า ภรรยาคนที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นใครกันบ้าง

ภรรยาคน ที่ 1 = ร่างกายของเรา
เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่ง ทุกอย่าง
อยากได้อะไรก็หาให้แต่ พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา เมื่อเราตาย
ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น

ภรรยาคนที่ 2 = ทรัพย์สมบัติ
เพราะเวลา เรามีชีวิตอยู่
เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มัน มา แต่พอเราตาย
มันกลับไม่ไปกับเราแต่ไปเป็นของคน อื่น

ภรรยาคนที่ 3 = พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่ น้อง
เพราะพอเรา ตาย เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไป ให้ แปลว่า
เขา แค่ไปส่งเราเท่านั้น


ภรรยาคนที่ 4 = บุญกับ บาป
เมื่อเราตาย ไป เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วย ได้
มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้นที่จะตามเราไป


.....หลังจากอ่านจบแล้วได้แง่คิดอะไรกันบ้าง ?
.... จะให้ความสำคัญกับภรรยาคนไหนมากกว่ากัน?

From : Fwd Mail
read more...

5/29/2553

จดหมายจากมุสลิมีนคนหนึ่ง...ถึงมุสลิมะฮฺที่มีรูปตัวเองอยู่ในอินเตอร์เน็ต



อัสลามุอะลัยกุมฯ พี่สาว-น้องสาวร่วมสายเชือกอิสลามของผม

                ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกคุณ เพราะมองไม่เห็นช่องทางอื่นใดอีกแล้วที่จะเล่าเรื่องที่ผมพบเจอมาด้วยตัวเองให้พวกคุณฟัง   ผมถือว่ามันเป็นอะมานะฮฺเหนือตัวของผมเองที่จะต้องบอกกล่าวให้พี่น้องมุสลิมะฮฺของผม โดยเฉพาะคนที่เอารูปภาพของตนเอง หรือพี่น้องมุสลิมะฮฺของตนมาลงไว้ในอินเตอร์เน็ตได้รับรู้ และตระหนักถึงหายนะอันใหญ่หลวงของการกระทำนี้

            ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่มุสลิมที่ดีนัก ผมรู้ตัวดี แต่อินชาอัลลอฮฺ ผมกำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น(ซึ่งหนึ่งในจุดเปลี่ยนของผมก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับพวกคุณ...พี่น้องมุสลิมะฮฺของผม)
ก่อนหน้านี้ผมเป็นหนึ่งในเยาวชนมุสลิมจำนวนมากที่เผาผลาญเวลาว่างหมดไป ณ หน้าจอคอมฯ  ผมเล่นเกมเป็นหลัก และเข้าโปรแกรมแชตต่าง ๆ เป็นรอง  พักหลัง ๆ ถึงเริ่มหมดเวลาไปกับการสร้างบล็อก ชมเสปซ โดยเฉพาะหลังจากที่โปรแกรมHi5เกิดบูมขึ้นมา ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่สนุกสนานเหลือเกินกับการเที่ยวทักทายคนโน้นคนนี้ และอัพเดตรูปภาพของตัวเองเพื่อรอให้คนนี้คนโน้นเข้ามาทักทาย
                แน่นอนว่าในบรรดาโปรแกรมที่เราสามารถสร้างความสัมพันธ์กันผ่านอินเตอร์เน็ตได้เหล่านี้ มีพี่น้องมุสลิมะฮฺของผมหลายคนทั้งที่ผมรู้จักและไม่รู้จักตัวจริงของพวกเธอแวะเวียนกันมาสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันเสมอ  ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้ผมเรียนอยู่ระดับมหา'ลัย แม้จะเรียนทางสามัญแต่ก่อนหน้านี้ผมเคยเรียนฟัรฎูอีนจบชั้นสูงสุดมาแล้ว ดังนั้นผมจึงพอจะมีความรู้ทางศาสนาอยู่บ้าง ขอบเขตระหว่างชาย-หญิงในอิสลามผมก็รู้ดีแม้จะรักษาไว้ไม่ค่อยได้ก็ตาม(อัซตัฆฟิรุลลอฮฺ) ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกไม่พอใจเป็นการส่วนตัวกับมุสลิมะฮฺที่เอารูปเปิดเผยเอาเราะฮฺของตัวเองมาลง  อาจเป็นเพราะผมมีน้องสาวด้วยล่ะมั้ง  ผมรู้สึกว่าถ้าน้องสาวผมทำอะไรอย่างนี้ ผมจะต้องยอมไม่ได้แน่ ๆ ...มันเป็นการทำให้ตัวเองดูไร้ค่าเกินไป  แต่สำหรับมุสลิมะฮฺที่คลุมศีรษะเรียบร้อย ตอนนั้นผมคิดว่าก็โอเคนะ เอ้อ ยอมรับก็ได้ ว่าผมชอบชมคอลเลกชั่นของพวกเธอ ยังแวะแซวอยู่บ่อย ๆ ด้วยซ้ำ ก็พวกเธอนำเสนอตัวเองซะขนาดนั้น..ผมก็ผู้ชายน่ะ อีมานก็ไม่ได้จะสูงอะไร จะอดใจไม่มองยังไงไหว(อัซตัฆฟิรุลลอฮฺ)

                จนวันหนึ่ง  ผมเข้าไปร้านเกมหน้ามหา'ลัยเหมือนปกติ และก็เที่ยวชมคอลเลกชั่นภาพของคนโน้นคนนี้เหมือนเช่นเคย  จนกระทั่งรู้สึกว่าได้ยินคำว่า 'สาวมุสลิม' 'โพกผ้า' หรือคำอะไรทำนองนี้อยู่สองสามครั้งจากคนที่ใช้คอมถัดไปประมาณ 2 เครื่อง หันไปดูเห็นเป็นผู้ชายสามคนที่ใช้คอมเรียงกัน เลื่อนเก้าอี้มานั่งรวมกันที่คอมเครื่องเดียว ผมทำทีเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบชำเลืองมองคอมที่พวกเขารุมกันดูอยู่...รู้สึกเหมือนเลือดวิ่งไปทั้งตัว เมื่อเห็นเป็นHi5ของมุสลิมะฮฺคนหนึ่งในชมรมมุสลิมของผมเอง
                ผมเดินกลับมานั่งที่ตัวเอง เปิดหาHi5 ของเธอคนนั้น แล้วก็เจอ...เธอไม่ได้ถอดฮิญาบนะ ทุกภาพของเธอมีฮิญาบคลุม  แต่เธอก็แสดงท่าทางอย่างรีแล็กซ์เต็มที่ ขณะดูภาพเธอผมพยายามเงี่ยหูฟังผู้ชายกลุ่มนั้นไปด้วย พวกมัน(ขอใช้คำนี้)วิพากษ์วิจารณ์แต่ละรูปอย่างคึกคะนอง ถ้าผมจับใจความไม่ผิด...พวกมันตามลิ้งค์มาเจอHi5ของเธอโดยบังเอิญ และจำได้ว่าเป็นผู้หญิงร่วมมหาลัยที่มันไม่เคยมีโอกาสได้มองเห็นบุคลิกอื่นๆของเธอ ภาพต่าง ๆ ที่เห็นจึงเป็นที่น่าสนใจ
ผมพยายามเปิดหารูปให้ตรงกับคำอธิบายแว่ว ๆ แล้วดูไปพร้อม ๆ กับพวกมัน ...จนกระทั่งถึงภาพหนึ่งที่เธอใส่ชุดลำลอง และลมพัดแรง...ผ้าที่โบกพลิ้วทำให้เห็นสัดส่วนของเธออย่างชัดเจน และพวกมัน...อัซตัฆฟิรุลลอฮฺ พวกมันวิจารณ์สัดส่วนของเธอด้วยคำพูดที่...ที่มนุษย์ที่มีการศึกษาไม่น่าจะพูด ผมไม่กล้าบอกพวกคุณ จะเคยเลวแค่ไหนผมก็พูดคำแบบนั้นไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าคนที่ถูกพูดถึงเป็นน้องสาวผม พวกมันต้องถูกชกปาก!
                เสียงหัวเราะของพวกมันทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา...แล้วเธอคนนั้นไม่ใช่น้องสาวร่วมสายเชือกแห่งอิสลามของผมหรือไง  ทำไมผมถึงยอมให้เธอถูกทำลายเกียรติได้ถึงขนาดนั้น "เธอทำลายเกียรติของตัวเธอเองต่างหาก"ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองพ้นผิด แต่ท้ายสุดจิตใต้สำนึกผมก็บอกตัวเองว่า...ผมไม่ใช่มุสลิมีนที่เข้มแข็งพอจะปกป้องเกียรติของพี่น้องมุสลิมะฮฺของผมเองได้...ผมจากร้านเกมมาในวันนั้นด้วยความอ่อนแรง และยังไม่ได้กลับไปอีกเลยจนกระทั่งวันนี้

                เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งในชีวิตผมเลยทีเดียว  ผมรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง และความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกำจัดมัน ผมหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และตัดสินใจเขียนจดหมายไปเตือนเพื่อนมุสลิมะฮฺคนนั้น ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อผมมั้ย? แต่ผมถือเป็นหน้าที่ของตัวเองที่จะต้องบอกเธอ และพี่น้องมุสลิมะฮฺคนอื่น ๆ ของผมด้วย...นั่นคือเหตุผลที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้มาถึงพวกคุณ
                เชื่อผมเถอะ...พี่น้องมุสลิมะฮฺของผม  ผมเป็นผู้ชาย ผมรู้ดีว่าในขณะที่พวกคุณแอบรู้สึกดีกับคำชม คำแซวของพวกผู้ชายที่ทิ้งไว้ให้กับรูปของพวกคุณตามอินเตอร์เน็ต  พวกผู้ชายเขาคิดอะไรไปไกลแค่ไหน
เชื่อผมเถอะว่า... "มุสลิมะฮฺ" คือผู้หญิงประเภทเดียวที่ยังเหลือเกียรติให้ผู้ชายต้องเกรงใจ ดังนั้นอย่าทำลายเกียรติของพวกคุณเอง  โปรดรู้เถอะว่าสำหรับมุสลิมีนที่ยังมีสติดีนั้น หากเขาจะต้องเลือกใครสักคนเข้ามาเป็นแม่ของลูกเขา   คนที่ถูกเลือกจะต้องไม่ใช่พวกคุณ...ผู้หญิงที่ทำให้ตัวเองเป็นของสาธารณะ!

 ด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง
พี่ชาย(ร่วมสายเชือกอิสลาม)ของคุณ




From : Fwd mail

read more...

5/18/2553

หยดน้ำตา หยาดน้ำคำ จากเจ้าสาวในคืนแรก‏

บันทึก ณ อาคารบิลาล ม.อิสลามนานาชาติ มาเลเซีย"อานี มีเรื่อง สำคัญที่พ่อกับ
แม่จะคุยด้วย" นี้ถือเป็นมูก อดดีมะห์ ของการพูดคุยกันของคน 3 คน ในครอบครัว 
ฉันในวันหนึ่งแม่นั่ง นิ่งคอยสังเกตอากัปกริยาของฉัน โดยให้พ่อเป็นฝ่ายพูดขึ้น
มาก่อน "อานี ทั้งพ่อและแม่ได้ตอบรับการสู่ขอจากชายคนหนึ่ง สำหรับลูก""อะไร 
น่ะ !" ฉันอุทานอย่างไม่เชื่อหูตนเอง กับสิ่ง ที่พ่อได้พูดมา เพราะฉันยังไม่คิด
ถึงเรื่องการมีครอบครัวในเวลานี้ ฉันยังคำนึง ถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ในชีวิตฉัน 
ที่ฉันต้องไขว่คว้ามาให้ได้ ผ่านการศึกษาที่ ฉันจะไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาเป็น
อุปสรรคสำหรับความตั้งใจอันแน่วแน่ของฉันนี้ และ แน่นอนการมีครอบครัวก็จะเป็น
อุปสรรคสำคัญ ฉันจึงไม่คิดที่จะมีพันธะหรือภาระผูก มัดกับใครทั้งสิ้น"ทำไมพ่อ 
กับแม่ไม่คุยกับอานีก่อน ๆ ที่จะตกลงอะไร" ฉันเถียงกับพ่อ เพราะไม่พอใจกับการ
ตัดสินใจโดยไม่ปรึกษาใด ๆ กับฉัน ฉัน คิดว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอนาคตและ
ชีวิตของฉัน ๆ จะต้องร่วมตัดสินใจ ด้วยพ่อนั่ง นิ่งครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "ถ้า
พ่อกับแม่ ปรึกษากับอานีก่อน เราก็รู้ว่าอานีจะตอบอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าอานี จะ
ต้องตอบว่า ยังไม่พร้อม ถ้าเช่นนี้แล้วเมื่อไรเล่า ที่อานีจะพร้อม อานีจะมี
ชีวิตอยู่เช่น นี้อีกนานแค่ไหน ?"ฉัน นิ่งเงียบ แล้วแม่ก็พูดต่อ "ในฐานะ
ผู้ใหญ่ เราก็คาดหวังว่า ลูกซึ่งเรารักและหวงมากๆ นี้ จะต้องมีสามีที่พร้อมจะปก
ป้องและ คุ้มครองชีวิตลูก""เราไม่ ได้ต้องการจะปล่อยลูกและทิ้งภาระให้กับคน
อื่น แต่ลูกต้องเข้าใจว่า นี้คือความ รับผิดชอบของพ่อกับแม่ในการหาสามีที่ดีให้
กับลูกสาวของตนเอง" เสียงของแม่เต็มไปด้วยความใส่ใจ แต่ฉันยังไม่ยอมเข้า ใจและ
รับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น"อา นี! " พ่อเรียกชื่อฉัน ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากที่
เห็นฉันนิ่งเงียบมานาน แล้วพูดว่า"จงมั่นใจเถิดว่า การที่พ่อและแม่ต้องตัดสินใจ
เช่น นี้ ก็เพื่อสิ่งดีๆ สำหรับตัวของอานี เราหวงอานีเหลือเกิน"เมื่อไม่เห็น
ปฏิกิริยาใดๆ จากฉัน แม่ก็พูดตัดบทออกไป ว่า "นี้แหวนของเขา จงสวมเถิด ลูก" แม่
วางกล่องกลมสีแดงเล็กๆ หน้าฉัน แล้วก็เดินออกไปชีวิตฉัน ในตอนนี้ เป็นไปด้วย
ความสับสนอลหม่าน หลากหลายคำถามเวียนว่ายอยู่ในห้วงคำนึงของ ฉัน ถ้าฉันตอบตกลง
ตามการตัดสินใจของพ่อแม่ นั้นก็หมายถึงฉันต้องละทิ้งอนาคตและ ความฝันของฉันเอง 
แต่ถ้าฉันปฎิเสธิ ก็ต้องหมายถึงการสร้างความเจ็บช้ำให้กับพ่อ แม่ ผู้ซึ่งมีบุญ
คุณอย่างล้นเหลือต่อชีวิตฉัน ปราศจากท่านทั้งสอง ฉันคงไม่อาจจะ มีชีวิตอย่างทุก
วันนี้ฉันตก อยู่ในวังวนแห่งความสับสน ภาวะทางจิตใจของฉันกำลังห้ำหั่นและต่อสู้
กันเอง ฉันจะ ต้องเอาความคิดของตนเองเป็นหลัก คือการปฎิเสธิการแต่งงาน หรือฉัน
จะต้องตามการ ตัดสินใจของพ่อแม่ถ้าฉัน เอาตัวเองเป็นหลัก นั้นก็หมายถึงการสร้าง
ความเจ็บช้ำกับพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ช้ำใจ กับฉัน ชีวิตฉันต่อไปจะมีบัรกัตอย่างไร ?
กาลเวลาผั่นผ่านไปหลายวัน กับห้วงคำนึงอันอยากที่จะ ได้บทสรุปที่ลงตัว... เป็น
ไปได้ อย่างไรกันที่ฉันจะตอบรับแต่งงานกับคนที่ฉันยังไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตามา 
ก่อนการแต่ง งานไม่ไช่การตอบโจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่มีสูตรสำเร็จตายตัวอยู่แล้ว 
เรื่องของ ชีวิตคู่ที่จำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจกันระหว่างคนสองคนตลอดทั้ง
ชีวิต ปราศจาก ความเข้าใจและการโอนอ่อนผ่อนปรนต่อกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้ง
สองชีวิต สองจิต ใจ จะมาหลอมรวมเป็นหนึ่งในฐานะสามีภรรยาได้เรื่องของชีวิตครอบ
ครัวหลายต่อหลายคู่ที่ผ่านหูและ ผ่านตาฉันเป็นจำนวนไม่น้อยที่ต้องจบลงด้วยการ
แตกแยก ทั้งสองคนประคับประคองชีวิต คู่ได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น หลังจากนั้น
ครอบครัวก็ต้องล้มสลาย ประดุจเรือ ที่แล่นผ่านท้องทะเลลึก ต้องเผชิญกับภาวะ
อากาศและคลื่นลมที่แปรปรวน และในที่สุด เรือก็อับปางลง เศษชิ้นส่วนพังกระจาย
ระเนระนาดปลิ่วว่อนตามแต่คลื่นลมจะพัดพา ไปและถ้ามีลูก ลูกก็ต้องเป็นเหยื่อของ 
สถานการณ์ที่ต้องผจญกับความทุกข์จากการพลัดพราก"ยาอัลเลาะห์ โปรดช่วยฉันในการ
ตัดสินใจครั้งสำคัญ สำหรับชีวิตนี้ จงชี้แนะทางออกสำหรับชีวิตฉันด้วย ขอพระองค์
จงอย่าให้ฉันต้อง เดียวดายในการตัดสินใจเพื่ออนาคตของชีวิตนี้โอ้อัลเลาะห์ 
ชีวิตฉันในตอนนี้ต้องเผชิญกับความบีบ คั้นอย่างสุดแสนทรมาน ระหว่างความต้องการ
ของฉันเอง กับความประสงค์ของพ่อ แม่โอ้อัล เลาะห์ โปรดชี้แนวทางให้กับฉัน
ด้วย....""ป๊ะ ม๊ะ อานีได้ตัดสินใจ แล้ว" นี้คือถ้อยคำแรกที่ฉันพูดกับพ่อแม่ 
หลังจากที่เงียบหายไปหลายวัน ใน เย็นวันหนึ่ง ในขณะที่พ่อกำลังอ่านหนังสือ
พิมพ์ และแม่กำลังปัก เสื้อพ่อถามว่า "ตัดสินใจอะไร หรือ ?" ทั้งพ่อและแม่ก็มอง
หน้ากันฉันตอบไป ว่า "ก็เรื่องผู้ชายที่พ่อกับแม่ ได้เลือกไว้"ทั้งพ่อและแม่มอง
หน้าฉัน เหมือนจะรู้คำตอบให้ได้ การตัดสินใจของเกิดขึ้นหลังจาก ที่ได้ไตร่ตรอง
อย่างรอบคอบที่สุด เท่าที่สติปัญญาฉันพอมี เพราะสิ่งที่จะเกิด ขึ้นหลังจากนี้
ไป ก็คือ จังหวะก้าวต่อไปของชีวิตฉันบนเส้นทางสายใหม่ สายที่จะ ต้องมีคนอื่น
เข้ามาเกี่ยวข้อง และคนๆ นั้นก็เป็นคนที่ฉันไม่รู้หน้าค่าตามาก่อน เลย"ถ้า
หากว่าสิ่งนี้เป็นตักดีรจากอัลเลาะห์ อานีก็ขอยอม รับในคู่ชีวิตที่ทั้งพ่อและ
แม่ได้ตัดสินใจเลือกไว้ให้แล้ว" ฉันจบคำ พูดนี้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจ ปนกับ
ความเศร้า และในทันใด น้ำตาฉันก็รินไหล ออกมา ตกกระทบบนตักของฉัน แม่เข้ามานั่ง
ใกล้ ฉัน และเข้ามากอดฉัน ฉันก็ไม่เข้าใจว่าที่แม่กอดนั้นเพราะต้องเพราะดีใจที่
ฉัน ได้ตัดสินใจตามและยอมรับที่ทั้งสองได้ตัดสินใจล่วงหน้าแล้ว หรือเข้ามากอด
เพื่อ ต้องการสงบสติอารมณ์ของฉันในท่ามกลางความ เงียบพ่อก็พูดออกมาว่า "จงซูโกร
เถิด เราหวังว่าอานีจะมีความสุขใน ชีวิต"หลังจากนั้นฉันก็เข้าห้อง ปิดตัว
เงียบอยู่คนเดียว ไม่สนใจสิ่งใดๆ ภายนอกทั้งสิ้น ฉันรู้ว่าทั้งพ่อแม่ดีใจมากกับ
คำตอบของฉัน แต่ ใครจะรู้บ้างว่า อันตัวฉันนี้รวดร้าวยิ่งนัก กับสิ่งที่กำลังจะ
เป็นไป ฉันคิด อยู่เสมอว่าแม้ใจฉันจะร้องให้อย่างไม่หยุดหย่อน ก็ดีกว่าการทำให้
พ่อแม่ต้อง เสียใจ ให้ทั้งสองสบายใจเถิด ส่วนตัวฉันจะเป็นอย่างไรก็ได้แม่ เข้า
มาหาฉัน และพูดว่า "แม่จะนัดวันให้ลูกได้พบกับเขาก่อนในเร็วๆ นี้""ไม่ต้องหรอก
ค่ะ รอพบวันนั้นเลยก็ได้" ฉันตอบแม่ สั้นๆ เพราะไม่มั่นใจนักว่าหากได้พบกัน บาง
ทีฉันอาจจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจก็ ได้ และหากเป็นดังนี้ พ่อกับแม่ก็จะเสียใจ
อีกพ่อเข้ามาอีกคน หนึ่ง ดูเหมือนว่าพ่อจะได้ยินในสิ่งที่ฉันคุยกับแม่ พ่อพูด
กับฉัน ว่า "ทำไมถึงไม่อยากพบกับเขาก่อน พ่อว่าลูกได้คุยอะไรๆ กับเขาก่อนก็น่า 
จะดีกว่า"ฉันตอบพ่อไปว่า "อานีได้สนองตอบต่อความ ต้องการของทั้งพ่อและแม่แล้ว 
แล้วทำไมพ่อกับแม่จึงไม่ตามอานีบ้าง"แล้วทุกอย่างก็จบลงด้วยความเงียบอีกครั้ง
หนึ่ง เมื่อไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก เลย.วันนิกาห์ใจฉันวันนี้ รู้สึกสับ
อลหม่านไปหมด มีความดีใจอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกเศร้าก็ไม่ได้จางหาย บวกกับความ
สับสนในชีวิต. ช่างลำบากเหลือ เหลือเกินที่จะอธิบายถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ภายในใจของลูกผู้หญิงเช่น ฉันญาติๆ และน้องของฉันนั่งรายล้อมข้างๆ ฉัน พร้อมกับ
สายตาที่จับจ้องไปยังชายผู้หนึ่ง ใบ หน้าที่คมเข้ม ในมาดขรึม สุขุมและเหยือก
เย็น พวกเขานั่งในอีกส่วนหนึ่งของบ้าน พร้อมทั้งพ่อฉัน อีหม่าม และพวกผู้ชาย
ทั้งที่เป็นญาติ และคนแถบบ้านใกล้เรือน เคียง วันนี้คง เป็นวันสำคัญที่สุด
สำหรับชีวิตฉัน อีกซักครู่ก็จะมีการอิญาบและกอบูล กับผู้ชาย คนหนึ่งซึ่งวันนี้
เป็นวันแรกที่ฉันได้เห็นหน้าเขา แต่เมื่อเป็นความประสงค์ของ พ่อแม่ ฉันก็ขอมอบ
หมายฉันหวัง ว่าด้วยการเลือกและการตัดสินใจจากครอบครัวเช่นนี้ จะเปี่ยมด้วยเราะ
ห์มัตจาก อัลเลาะห์ตะอาลาว่าที่ สามีของฉันนั่งหันหน้าเข้าหาพ่อฉัน ซึ่งก็คือ
พ่อตาของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้าง หน้านี้ ดูท่าทีก็เรียบร้อยมาก เห็นปากเขามุมมิ
บเหมือนกล่าวถ้อยคำบางอย่างที่ ฉันไม่ได้ยิน หลังจากนั้น หลายคนในนั้นก็ผงกหัว
ตาม เหมือนเห็นพ้องต้องกันในสิ่ง ที่ได้เอื้อนเอยไปทุกคนยก มือดุอาอ ที่ได้อ่าน
โดยผู้ชายคนนั้น"อานี เป็นภรรยาของเขาแล้วนะ" เสียงกระซิบจากญาติของฉันคนหนึ่ง
ซึ่งนั่งใกล้ฉัน ตลอด และโดย ไม่ตั้งใจ น้ำตาฉันก็รินไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง ฉัน
สับสนในตัวเองมาก ด้านหนึ่งมี ความสุขและดีใจ แต่อีกด้านฉันก็เศร้า และเจ็บปวด
แต่จากนี้ไป ฉันก็คือภรรยาของเขา ความรับผิดชอบใน ครอบครัวทั้งจากพ่อและจากแม่ 
ก็ได้จบสิ้นลงแล้ว พ่อและแม่ฉันได้ปลดปล่อยภาระ ทั้งมวลสู่ผู้ชายคนหนึ่ง"โอ้
อัล เลาะห์ จงประทานความสุขให้แก่ครอบครัวฉัน จงประทานลูกหลานที่ดีๆ เพื่อ 
เพื่อสืบ ทอดจิตวิญญาณในศาสนาของพระองค์..." ดุอาอ ของ ฉันฉันครวญ คิดถึงชีวิต
ในบทบาทใหม่ สถานภาพใหม่ที่ฉันได้รับเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ที่ ฉันถูกเรียก
ว่าเป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วยสถานภาพนี้ฉันจะต้อง รับภาระอยู่
ไม่น้อย เป็นภาระเฉกเช่นภรรยาที่ดีทั้งหลายพึงปฎิบัติต่อ สามี"ฉันรับ ภาระนี้
ได้หรือ? " คำถามของฉัน เองที่เวียนว่ายอยู่ในห้วงคำนึงอยู่ตลอดเวลา และบ่อย
ครั้งที่ฉันรู้สึกว่า ฉันคง ไม่สามารถทำหน้าที่ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์"อัสสาลามู
อาลัยกุม..." เสียงผู้ชายคนหนึ่ง จากประตูห้องของฉัน หลังจากฉัน ตอบสลามแล้วเขา
ก็เข้ามา ชายผู้นั้นยืนอยู่ข้างหน้าฉัน ในขณะที่ฉันไม่กล้าแม้จะ เงยหน้าขึ้นมา 
ฉันเพียงมองไปที่ขาเขา และพร้อมกันนั้น ญาติๆ และเพื่อนๆ ของฉัน ก็พากันเดินออก
ไปฉัน รู้สึกเหมือนตัวสั่น และหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งตื่นเต้น ตกใจ และ
หวาด กลัว แล้วเขาก็นั่งลงข้างหน้าฉัน ส่วนฉันก็ยังไม่กล้า ที่จะมองหน้าเขา ฉัน
คิด ว่าเขาคงรู้ถึงความรู้สึกของฉันในเวลานี้"ยาฮาบีบี*" ถ้อยคำแรกที่ฉันได้ยิน
จากปากเขา เสมือนหนึ่งต้องการประโลมใจฉัน และให้ ฉันมองหน้าเขาฉัน พยายามบังคับ
ตนเองให้ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา และในทันใดเขาก็ยื่นมือขวาและจับมือ ซ้ายของฉัน 
พร้อมกับบรรจงสวมแหวนทองในมิ้วนางของฉันฉันพยายามบังคับตนเองอีกครั้งหนึ่ง 
เพื่อเรียก เขา "อาบัง" และเราก็สลามต่อกัน จากนั้นฉันก้มลงจูบมือเขา และฉันก็
พูดว่า "อานีขอมอบหมายตัวและชีวิตของอานีสำหรับบัง อานีหวังว่าบังจะรับได้ใน 
ทุกอย่างจากอานี เท่าที่อานีมีอยู่นี้ ด้วยความอิคลาส**จากใจของบัง""เราจะร่วม
กันสร้างชีวิต และร่วมกันก้าวเดินสู่ครอบ ครัวสากีนะห์***" เขาตอบให้ สัญญากับ
ฉันนี้คือ ครั้งแรกที่ฉันได้พบและได้คุยกับสามี ก่อนหน้านี้ฉันเพียงได้ดูรูปเขา
ที่แม่ให้ มาวันแรกผ่านไป โดยเขากลับบ้าน และพบกันอีกครั้งหนึ่งในวันวาลีมะ 
ห์ในงานเลี้ยง ครอบครัวฉันได้จัดอย่าง เรียบง่าย แต่ก็ครึกครื้นมาก เพราะญาติ
พี่น้องทุกคนได้มากันหมด รวมทั้งเพื่อนๆ โดยเฉพาะในสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยด้วย
กัน ในขณะเดียวกันทั้งญาติพี่น้องฝ่าย สามี รวมทั้งเพื่อนๆ เขา ก็มากันเยอะ 
เกินกว่าที่คาดคิดไว้ ทำให้ความตั้งใจที่ จะทำแบบเรียบง่าย และเล็กๆ ในตอนแรก 
แต่เมื่อมาถึงวันจริงกลับมากันมาก ทุกคนก็ เหนื่อย โดยเฉพาะพ่อกับแม่ฉันฉัน 
สังเกตว่า สามีฉันเป็นคนที่มีบุคลิกภาพและมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีมาก วันนี้เขาใส่ 
ชุดขาว และเน้นความเป็นท้องถิ่น ดูแล้วช่างเป็นรสนิยมที่หาได้ยากยิ่งในสังคม 
ปัจจุบันฉัน รู้สึกภูมิใจในตัวเขามาก ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยลืมในการขอดุอาอต่อ
อัลเลาะห์ ให้ ประทานสามีที่ดี สามีที่สามารถเป็นผู้นำในการประคับประคองชีวิต
ฉันให้ก้าวเดินบน ทางที่เที่ยงตรง ทางที่ได้รับการยอมรับจากพระผู้อภิบาล เขาคน
นั้นจะต้องรักฉันใน ฐานะภรรยาฉันไม่ เคยคิดอยากได้คนที่มีฐานะ หรือคนที่มี
ตำแหน่งใหญ่โต เหมือนกับที่เพื่อนๆ ฉันเขา เห่อกัน และมุ่งมั่นอยากจะได้ โดย
เฉพาะในช่วงที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วน ฉันไม่ต้องการอย่างนั้นเลย ฉันขอ
เพียงให้เขาคนนั้นเป็นคนที่มีศาสนา และมีความ สุขร่วมกันกับฉัน บนพื้นฐานของ
ความพอดี พอมี และพอเพียง และไม่เคยลืมดุอาอให้ ฉันได้ลูกที่ซอและห์ เพื่อเป็น
องค์ประกอบที่สุดพิเศษในครอบครัวเสียงอาซานมักริบ จากมัสยิดในหมู่ดังกังวานไป
ทั่ว ปลุกความรู้สึกของพวกเราทุกคน ให้ต้องละทิ้งภารกิจอื่นใดทั้งปวง แม้ว่าใน
ตอนนี้ แขกเรื่อกลับไปหมดแล้ว แต่การจัดข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ ยังไม่เสร็จ
สิ้น และคง ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเคลียร์ทั้งหมด"เราค่อยมาจัดภายหลังก็แล้ว
กัน ตอนนี้ไปละหมาดกัน ก่อน" เสียงของพ่อจากในบ้าน บอกกับพวก เราในห้องโถงของ
บ้าน ฉันเห็นน้องๆ ของฉันกุลีกุจอกันปูเสื่อและผ้าสะญาดะห์ ซึ่ง ก็เป็นบรรยากาศ
ปกติภายในบ้านของฉัน เมื่อใดก็ตามแต่ที่ทุกคนกลับมาบ้านและอยู่ กันพร้อมหน้า
พร้อมตา เราก็จะละหมาดร่วมกัน นี้คือสิ่งที่ครอบครัวฉันได้ถือ ปฏิบัติเรื่อยมา
ทุกคนพร้อมในที่ละหมาดแล้ว คงเหลือเพียงฉันคนเดียวที่ช้ากว่าเพื่อน และเมื่อ
ฉัน พร้อม ก็เข้าร่วมในแถวสุดท้ายร่วมกับแม่และน้องสาวน้องชายฉันอีกอมะห์เสร็จ 
พ่อก็บอกให้สามีฉันขึ้นไป เป็นอีมามนำละหมาด ตอนแรกดูเขาไม่กล้าขึ้นไป แต่เมื่อ
เขามองหน้าฉัน และฉันก็ผงก หัวให้ เขาก็เดินขึ้นนำละหมาดทันทีหลังจากจบสิ้น
การอีญาบและกอบูล วันนี้ถือเป็นวันแรก ที่เขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวฉัน และวันนี้
ก็เป็นวันแรกอีกเช่นกัน ที่ฉันรู้สึกมี ความสุขมากๆ ที่ได้ละหมาดร่วมกับเขา เขา
ในฐานะอีมาม จากเสียงอ่านในละหมาดของ เขา ทำให้ฉันรู้สึกปลื้มใจจริงๆ เสียงของ
เขากังวานและชัดเจน อ่านอัลกุรอานได้ เสนาะและเพราะพริ้งมาก เหมือนคนอาหรับเลย 
บัดนี้ฉันคิดในใจว่า พ่อแม่ช่างเลือก คู่ที่ดีเหลือเกินสำหรับตัวฉัน"โอ้อัล 
เลาะห์ จงอย่าถือเป็นความผิดบาปกับความพลั้งเผลอทั้งหลายของฉันโอ้อัลเลาะห์ จง
อย่าได้มอบภาระที่หนักหน่วงให้กับ ฉัน เหมือนกับที่พระองค์ที่มอบให้กับชนในรุ่น
ก่อนๆ โอ้อัลเลาะ ห์ จงอย่าให้ฉันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เหนือกว่าความสามารถของ
ฉันโอ้อัลเลาะห์ จงให้อภัยต่อความผิดบาปของฉัน และจงประ ทานเราะห์มัตแก่เหล่าชน
ผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิดโอ้อัลเลาะ ห์ จงประทานต่อฉัน สำหรับการเป็นภรรยาและ
สามีที่ดี ตลอดจนประทานลูก ๆ ที่ ซอและห์ และจงทำให้เราทุกคน ร่วมอยู่ ในกลุ่ม
ชนของบรรดามุตตากีน"เสียง ของเขาอ่านดุอาอ ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความยำเกรง หลัง
จากเสร็จการละหมาด หลังจาก นั้นเราต่างก็ยื่นมือสลามต่อกัน ฉันเริ่มจากพ่อ แม่ 
และน้องๆ ต่อจากนั้นฉันก็ เข้าประชิดตัวเขา และยื่นมือสลาม ฉันพูดกับเขาว่า "
บังมาอัฟให้กับอานีด้วย" แล้วก้มลงจูบ มือเขาเขาจูบ ที่หน้าผากฉัน แล้วพูดว่า "
โอ้ ฮาบีบี อานี ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใด ๆ กับบังนิ"พวกเรานั่งพูดคุยในที่
ละหมาดจนถึงอีซา และเมื่อ ละหมาดเสร็จ ฉันเห็นเขาลุกออกไปยังประตูบ้าน"บังจะไป
ไหน" ฉันถามเขา"ของหน้า บ้านยังจัดไม่เสร็จเลย ต้องจัดให้เสร็จก่อน" เขาตอบ
แล้ว เสียงของพ่อแทรกเข้ามา "วันนี้พักผ่อน ก่อน ค่อยจัดพรุ่งนี้ก็ได้"แต่เขา 
ยังยืนกราน "ไม่เป็นไร ยัง อีกไม่มาก จัดให้เสร็จในคืนนี้เลยก็ได้" เขาตอบกับ
พ่อฉันเข้า ห้องเปลี่ยนชุดแต่งกาย และลงไปช่วยจัดข้าวของต่างๆ ในเต็นท์ร่วมกับ
เขา ดูเขา ง่วนกับงานที่อยู่ข้างหน้ามาก ไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันเดินลงมาช่วยเขา 
ด้วย.ฉันแกล้งเดินไปชนหลังเขา เขาก็สะดุ้งสุดตัว ฉันรู้สึกว่าเขาจิตใจไม่ได้
อยู่ กับเนื้อกับตัว หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเหนื่อยมากก็ได้เขาถามฉันว่า "
ลงมาตั้งแต่เมื่อไร" " ก็ 4- 5 นาทีนี้เอง มุ่งมั่นทำงานจังเลยนะ อา นีลงมาทั้ง
คนยังไม่รู้สึกอะไรเลย" ฉันตอบเขา"มาอัฟให้บัง ด้วย บังไม่รู้สึกตัวจริงๆ" เขา
ตอบกลับมา และในทันใดเขาก็เข้ามาประชิดตัวฉัน แล้วพูดว่า"อานีไม่โกรธบังนะ" พูด
จบเขาก็โอบไหล่ฉัน ฉันมองหน้าเขา และโดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็หอมแก้ม ฉัน"
ไม่ได้นะ เดียวคนในบ้านจะ เห็น" ฉันห้ามเขา"ไม่เห็นจะต้องอายตรงไหนเลย ยังไงๆ 
ก็เซาะ ห์แล้ว" เขาตอบกลับและฉันก็ตอบไปในทันทีว่า "ก็ถูกต้องในสิ่งที่บังได้
ว่ามา แต่ให้ดูสถานที่ด้วย ซิ ถ้าอยู่กันแค่ 2 คน บังจะทำเกินกว่านี้อา นีก็ให้
ได้" แล้วเขาก็ หัวเราะหลังจาก ได้นิกาห์มา วันนี้ก็เป็นวันแรก ที่เราได้
คุยหยอกล้อกัน ในฐานะผู้หญิงฉันรู้สึก มีความสุขมาก และถือเป็นครั้งแรกในชีวิต 
ที่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชาย และดูเขาก็มี ความใส่ใจกับฉันมากความสุข เช่นนี้ ไช่ว่า
ใครๆ สามารถมีได้ สุขที่ได้ร่วมชีวิตกับคนที่รัก ช่างเป็นนิอมัต ิสำคัญที่
อัลเลาะห์ได้ให้มา ยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่เซาะห์ ภายใต้บทบัญญัติทาง ศาสนาแล้ว 
ความสุขนี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ชีวิตฉันไม่เคยมีความรักกับใคร แม้ ในช่วงที่
กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ที่เพื่อนๆ ฉันส่วนใหญ่เขามีกัน แต่ฉันไม่ แม้ จะมีใครมา
ทำท่าสนใจอย่างไร ฉันก็ไม่สน เพราะสิ่งที่ฉันถือปฎิบัติมาโดยตลอดก็ คือ รักแท้
จะต้องเกิดขึ้นภายหลังการนิกาห์แล้วเท่านั้นแต่ความรู้สึกในเบื้องลึกของคน คง
ยากนักที่จะอธิบาย ให้ใครได้เข้าใจ ยิ่งความรู้สึกของลูกผู้หญิง แม้วันนี้ฉัน
อยู่เคียงข้างเขา เขา คือชายผู้เป็นสามีฉัน แต่ฉันกลัว กลัวหลายอย่าง โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งกับการที่ต้อง แบกรับภาระความเป็น "ภรรยาที่ซอลีหะ ฮ์" ภรรยาที่มี
เกียรติในสายตาสามี และใน บริบททางศาสนา"อานี คิดอะไรอยู่" ถึงคราวที่ฉัน ต้อง
สะดุ้งต่อ เมื่อสามีมาลูบหัวฉัน ในขณะที่ฉันเหมือนหลุดอยู่ใน ภวังค์"บัง ทำ ให้
อานีตกใจ รู้หรือเปล่า" ฉันแกล้งพูดทำ เป็นงอน ด้วยอยากรู้ว่าเขาจะง้อฉันอย่าง
ไร"โอ้ ฮาบีบี แค่นั้น ก็ทำเป็นโกรธหรือ" เขาพูดแล้วหยิกแก้มฉันและฉันก็ตอบเขา
ไปว่า "คืนนี้ บังนอนใต้เตียงคู่กับยุงก็แล้วกัน เพราะภรรยาของบัง เขาไม่สบ 
อารมณ์กับบัง น่าสงสารจัง"แล้วสามีฉันก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดในสิ่ง
ที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อน ว่า "อานี ตกลงเราจะไปฮันนี่มูนกันที่ไหน ดี?"ฉันตอบ เขา
ว่า "อานีพร้อมไปทุกที่ สุดแท้แต่บังจะพา ไป""ถ้าบังพาไปสู่ดวงดาว และดวง
จันทร์ อา นีจะตามไปกับบังไหม?" เขาตอบกับ ฉัน"ถ้าบังมีเงินมากขนาดนั้น เราไป
ตั้ง รกรากบนดาวดวงอื่นเลยดีไหม ?" ฉันตอบเขา แล้วเขาก็หัวเราะเมื่อจบ เสียง
หัวเราะเขาก็ถามฉันต่อด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความใส่ใจว่า "ยาฮาบีบี ตกลงเราจะ
มีลูกกันกี่คน""แล้วบังต้องการกี่คนล่ะ" ฉันถามเขาต่อ"บังต้องการ ให้มากที่สุด 
ว่าแต่อานีจะไหวหรือ?""เอ๊ะ บังเห็นอานีเป็นโรงงานผลิตลูกหรือ ไง?" ฉันตอบเขา 
แล้วเขาก็หัวเราะอีกครั้ง หนึ่ง ฉันดูเขาช่างเป็นคนที่หัวเราะง่ายจังเลยแล้วเขา
ก็ตอบฉันว่า "ไม่ได้หมายถึง อย่างนั้น เพียงแต่ว่าถ้าได้ลูกหลายๆ คนก็จะดี บัง
อยากได้ลูกหลายคน ทั้งลูกชาย และลูกสาว อยากมีให้เท่าๆ กันฉันตอบเขา ว่า "อินซา
อัลเลาะห์ถ้ามีริสกี อานีก็ พร้อม"เมื่อฉันพูดจบ ฉันก็เห็นสามีฉันยิ้ม ระรื่น 
แล้วพูดว่า "นี้แหละที่ทำให้ บังเพิ่มความรู้สึกรัก และหวงต่ออานีเป็นกองเลย" 
พูดจบเขาก็หอมแก้มฉันอีกครั้งหนึ่งนิอมัตสำคัญของการเป็นลูกผู้หญิงก็คือการได้
รับความ รัก อย่างเต็มเปี่ยมจากผู้เป็นสามี ยิ่งคนดีๆ อย่างเขา ทำให้ฉันเหมือน
หลุดไป อยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ผีเสื้อ ลำธาร น้ำผึ้ง บุหงา 
ลดา มาลย์ และมีลมโชยพัดโรยระริน เป็นอาจิณตลอดกาล..."อานี บัง ขึ้นมาทาน ข้าว
ก่อน" เสียงของแม่ดังมาจากบนบ้าน เรียกเรา สองคนให้ขึ้นไปทานอาหารมื้อค่ำ ฉัน
จูงมือ สามี เดินขึ้นบ้าน พบว่าแม่ได้เตรียมอาหารพร้อมไว้แล้ว ทั้งพ่อและน้องๆ 
ก็นั่ง กันพร้อมหน้าอาหาร มื้อนี้คงจะเป็นมื้อที่พิเศษที่สุด เพราะนอกจากจะหิว
มากๆ แล้ว เพราะต้องดูแลแขก ที่มาในงาน เป็นงานแรกของบ้านนี้ แม้ไม่ได้จัดอย่าง
ใหญ่โต แต่เพื่อนๆ ฉันทุกคน ที่ทราบข่าว ต่างก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่มีขาด
เลยแม้ซักคนเดียว ฉันรู้สึก ประทับใจกับเพื่อนๆ จริง และที่ สำคัญมื้อนี้ก็เป็น
มื้อแรกที่ได้ทานร่วมกับเขา และทุกคนในครอบครัว ช่างเป็นมื้อ ที่พิเศษ
จริงๆ .................ในห้องของฉัน ซึ่งฉันเป็นคนจัดเองทั้งหมด ฉันดูแล้ว ก็
สวยงามใช่ย่อยเลย ฉันอดจะภูมิใจในฝีมือของตนเองไม่ได้ และห้องนี้ก็คือห้องของ 
ฉันกับเขาในคืนแรกนี้ คืนที่น่าจะเป็นคืนที่สวยงามที่สุดและพิเศษที่สุดสำหรับ 
ชีวิตของสามีภรรยา ในคืนแรก ของฉันกับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ฉันรู้สึก
กลัว และ รู้สึกใจเต้นไม่เป็น ปกติ พะวักพะวงกับสิ่งที่ต้องเป็นไป ฉันไม่รู้จะ
ทำอย่างไรต่อไป และแล้วเสียงเคาะประตูห้องฉันก็ดังขึ้น ซึ่งก็เพิ่ม ความรู้สึก
พะวักพะวง ตื่นเต้นและตกใจสำหรับฉันมากขึ้น แน่นอนคนที่เข้ามาก็ไม่ ไช่ใครที่
ไหน หากแต่เขา สามีฉัน"เชิญ เข้ามาประตูไม่ได้ล๊อค" ฉันบอกเขา ไปเขาเข้ามาและ
ปิดประตูห้องเบาๆ แล้วก็ ลงนั่งใกล้ฉัน คำแรกที่เขาเอ๋ยกับฉัน "ทำไมดูซึมเศร้า 
ไม่ดีใจหรือที่ได้อยู่กับบัง" ฉันทำได้แค่ส่ายหัว เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่
เขา ก็พยายามคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้ สุดท้ายฉันก็ตอบไปว่า "อานีกลัวบัง"เขา
เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น และเอาลูบไล้ผมของ ฉัน "มีอะไรที่ทำให้ต้องกลัวจากบัง 
หรือ? เราจะต้องช่วย และร่วมมือกันเพื่อครอบ ครัวสากีนะห์" เขาพยายามปลอบ 
ประโลมฉัน ฉันตอบ เขาไปว่า "อานีกลัวว่าอานีไม่สามารถทำหน้าที่ ภรรยาที่ดีของ
บังได้ อานีอ่อนแอในหลายๆ อย่าง อานีคิดว่าซักวันหนึ่งบังจะรับอา นีไม่ได้ อา
นีกลัว...." ไม่ทันที่ ฉันจะพูดจบเขาก็เอานิ้วมาแตะปากฉัน ไม่อนุญาตให้ฉันได้
พูดอีกต่อไป"ยาฮาบีบี วันนี้อานีในฐานะภรรยาของบัง บังรับใน ทุกอย่างจากอานี
เท่าที่อานีมี บังรับทุกอย่างจากสิ่งดีในตัวของอานี ซึ่งก็เท่า กับที่บังต้อง
รับทุกๆ อย่างจากความอ่อนด้อยในตัวของอานี จึงอย่าได้คิดอะไรมาก เลยกับเรื่อง
ของชีวิต และอย่าได้กังวลว่าบังจะไม่พอใจใดๆ กับอานี" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่
อ่อนโยน และแสดงความใส่ใจอย่าง สุดซึ้งและฉันก็ สนองตอบในสิ่งที่เสนอมา"อานี 
บังต้องขอไปอาบน้ำก่อน เพราะรู้สึกเหนียวตัว" เขาบอกกับฉัน และฉันก็ลุกขึ้นไป
เอาผ้าขนหนู และผ้าโสร่งในตู้ หยิบให้ เขาเขารับ ผ้าขนหนูไป ด้วยใบหน้าที่ยิ้ม
แย้มแจ่มใส แต่ก่อนที่เดินเข้าห้องน้ำ เขาก็ก้มลง หอมแก้มฉันอีกครั้งหนึ่งคืน
นี้ท้องฟ้าไม่แจ่มใส ก้อนเมฆหนาทึบบดบังทั้งแสงจันทร์และดวงดาว เสียง สัตว์กลาง
คืนเงียบหายไป มีแต่เสียงฟ้าร้อง จากที่ไกลๆ ผ่านห้องฉันเข้ามา อีกไม่ นานฝนคง
จะตกลงมา เพื่อสร้างความชุ่มชื่นให้กับผืนดินและทุกสรรพสิ่งบนโลก นี้ฉันเพ่ง 
พินิจไปในทุกส่วนของห้องนอนของฉัน ที่ฉันจัดและตกแต่งด้วยตนเองเท่าที่ความ 
สามารถของตัวเองทำได้ ก่อนที่เขาจะออกจากห้องน้ำฉันได้จัดเตรียมชุดนอนให้เขา 
และฉันเองก็เปลี่ยนชุดแต่งกายของตนเองรอสามี ด้วยใจที่เต้นอย่างไม่เป็น จังหวะ
แล้วซัก ครู่เขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เขายิ้มมายังฉัน แล้วพูดว่า "โอ้ฮาบีบี ช่วย
เอาน้ำให้บังซักแก้วซิ หิวน้ำเหลือ เกิน" ฉัน หยิบชุดนอนให้กับเขา แล้วออกไปเอา
น้ำจากในห้องครัว ฉันเหลือบไปดูนาฬิกาบนเพดาน ปรากฏว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว 
เมื่อเข้าห้องอีกครั้งหนึ่ง ฉันเห็นเขานั่งดุอา อบนสาญาดะห์ ด้วยถ้อยคำบางอย่าง
ทีฉันไม่สามารถได้ยินได้ฉันนั่งรอเขาบนเตียง รอจนกว่าเขาจะดุอาอเสร็จ และ เมื่อ
เสร็จแล้วเขาก็ลุกขึ้นมานั่งชิดกับฉัน แล้วฉันก็ยื่นแก้วน้ำให้กับ เขา" 
บัง..." ฉันเรียกเขา"มีอะไรหรือ" เขาตอบกลับฉันนิ่ง อยู่ครู่หนึ่ง และเขาก็จับ
จ้องมายังฉัน และใช้สายตาเพื่อคาดคั้นให้ฉันพูดออมา ให้ได้"คืนนี้ บังจะ...
จะ.." ฉันรู้สึกขัดเขินใจอย่างยิ่งที่จะพูดต่อให้จบ"จะอะไรหรือ" เขาถามฉัน"โอ้
บัง นิ.." ฉันรู้สึกอายตนเอง เมื่อคิดว่าเขาคง อ่านความคิดของฉันออกแล้วแล้ว
เขา ก็กระซิบข้างหูฉันว่า "ไช่ซิ คืนนี้ จะ เป็นคืนที่พิเศษที่สุดสำหรับเราสอง
คน"ฉันทำได้เพียงผงกหัวเบาๆ ด้วยคิดอยู่ในใจว่าในฐานะ ภรรยา ก็ต้องพร้อมสำหรับ
สิ่งที่เป็นความต้องการของสามี ฉันต้องพร้อมทั้งกายและ เพื่อเขา ที่ไม่ขัดแย้ง
กับหลักซารีอะห์"อัสสาลามูอาลัยกุม โอ้ประตูแห่งเราะ ห์มัต" เขากระซิบเบาๆ ข้าง
หูฉันและในทันใด ฉันก็ตอบเขาไปว่า "วาอาลัยกุมุสลาม สำหรับผู้ถือสิทธิที่มี 
เกียรติ" 
ครั้งแรกในชีวิตฉันที่ได้ผ่าน บรรยากาศในยามค่ำคืนกับคนที่เป็นสามี
  >ตัว ฉันคง>เปรียบได้เสมือนท้องนา ที่เขาในฐานะผุ้ถือ กรรมสิทธิ์ >ที่มาปัก
และดำหว่าน...>>ก่อน การแต่งงานฉันได้อ่านตำรับตำราที่ >เกี่ยวกับการดำรง ชีวิต
คู่หลายต่อหลายเล่ม>  ฉัน จึงพยายามที่จะทำให้สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มา >นำไปสู่
การปฏิบัติ ให้ได้>>ฉันจะต้องเป็นภรรยาที่ดีที่สุดสำหรับสามี ฉัน>ฉันต้องทำให้
สามีมีความสุขที่สุดที่ได้มาอยู่กับ ฉัน>ฉันต้องเป็นเสมือนหนึ่งราชินีในบ้านที่
ผูกพันทั้งกาย และใจสำหรับผู้เป็นสามี>>ท่าน ศาสดากล่าวว่า  >" ภรรยาที่ดีก็คือ
คนที่สามารถสร้างความสงบในสติอารมณ์ให้กับ> เจ้าได้ เมื่อเจ้าได้มองไปยังเธอ 
เธอต้องมีความภักดีต่อเจ้า >เธอ หมั่นดูแลและ>รักษาตนเอง และทรัพย์สินของเจ้า
เมื่อเจ้าไม่ อยู่">>ท่านศาสดาได้กล่าวไว้ว่า  "เหล่าสตรี นั้นคือผู้ดูแลในบ้าน
ของสามี >และสิ่งนี้จะถูก ถาม">>ท่านศาสดา ได้กล่าวไว้ว่า  >"ภรรยาที่ดีก็คือ
สิ่งที่ดีเลิศที่สุดเหนือสิ่งที่มี>คุณ ค่าใด ๆ ในโลกนี้">ท่าน ศาสดา ได้ กล่าว
ไว้ว่า   "แท้จริงแล้ว สตรีที่ดี >ก็คือสตรีที่สามารถให้ลูก สตรีที่ยิ่งใหญ่ใน
ความ รัก >สตรีที่สามารถรักษาเรื่องราวภายในครัวเรือนได้ สตรี>ที่มีจิตใจอ่อน
โยนกับทุกเรื่องราวในครอบครัว สตรีที่ เคารพในตัวสามี >สตรีที่หมั่นดูแลตนเอง
เพื่อสามี สตรีที่ควบคุมตนเอง ในการติดต่อใด ๆกับชายอื่น....">>แท้ จริงแล้ว 
การแต่งงาน และการมีครอบครัว หาไช่เป็นเรื่องเล็กน้อย >ที่ ใครๆ สามารถทำเป็น
เรื่องธรรมดา ได้  การแต่งงานถือ เป็นการฮาลาล >สำหรับสิ่งที่เคยหะรอมสำหรับ
ก่อนหน้า นั้น  >สิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้าใจอย่างถึงแก่น ในครอบครัว
จำเป็นที่จะต้องมีความอ่อนโยน โอนอ่อนผ่อนปรน >และ มีความเชื่อมั่นในระหว่างกัน
  ถ้าไม่ไช่ เพราะสิ่งนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่คนทั้งสองเพศที่มาจากที่ต่าง
กัน บุคลิกภาพ ที่ไม่เหมือนกัน พื้นฐานทางการเลี้ยงดู การอบรมและการศึกษาที่
ต่างกัน จะมาใช้ ชีวิตร่วมกันได้  เพราะการดำรง ชีวิตครอบครัว >ก็ไม่ต่างอะไร
กับการล่องเรือในมหาสมุทร ที่ไช่ว่า ท้องทะเลจะราบเรียบตลอดเวลา >บางช่วงบางตอน
ก็ ต้องเจอกับคลื่นลมและมรสุม ...>>ก่อน ถึงวันนั้น อันเป็นช่วงจังหวะตอนที่
สำคัญของชีวิต >เราจึงต้องศึกษาใน หลายๆ วิชาความรู้ ความรู้ที่เกี่ยวกับครอบ
ครัว >ความรู้ที่เกี่ยว กับการเป็นพ่อเป็นแม่ ความรู้ที่เกี่ยวกับจิตวิทยาของ
เด็ก ๆ ฯลฯ  >จึงอย่าได้มีใครที่คิดเรื่องนี้ แต่ไม่พร้อมที่รับผิดชอบใน
ทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราและชีวิตของคนที่จะมาร่วมเคียงข้างเรา>>
เราอย่าได้คิดถึงเรื่องของ การสนองนัฟซูอย่างเดียว >เรา ต้องคิดถึงความรับผิด
ชอบที่จะต้องเกิดขึ้นทั้งในฐานะสามี ในฐานะภรรยา ในฐานะ พ่อ และในฐานะแม่  >
เรา สามารถรับผิดชอบในทุกเรื่องเหล่านี้ได้ไหม  >ซึ่ง เป็นความรับผิดชอบทั้งใน
ดนยาและต่อเบื้องหน้าของอัลเลาะห์ในวัน อาคีเราะ ห์>>ความรับผิดชอบเหล่านั้น 
ถือเป็นอามานะห์ ที่ทุกคนมิ อาจจะละเลยได้>เสียงไอ ดังอย่างต่อเนื่องข้างเตียง
ฉัน ปลุกให้ฉัน ตื่นขึ้นมา >หลังจากที่หลับได้ไม่นาน ในคืนแรกคู่กับสามีฉัน 
เมื่อลืมตาขึ้นมา  >ฉันก็ เห็นเขานั่งอยู่บนซาญาดะห์ พร้อมกับอาการไอ ไม่หยุด
   ฉันดูแล้ว รู้สึกผิดปกติอย่างยิ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้คงไม่ไช่เล็กน้อย ฉัน
เห็นเขาเอามือ บีบที่หน้าอก ฉันลุกขึ้นมาลงจากเตียงแล้วเข้าไปใกล้เขา>>"บังเป็น
อะไรนิ"  ฉันถามเขา และรู้สึกกังวลมาก เกรงว่าเขาจะมีโรคอะไรที่ฉันยังไม่รู้>>"
บังไม่ได้เป็นอะไรมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะอากาศหนาวไปก็ ได้"  >เขาตอบฉัน>>เรา
เงียบ ชั่วเวลาหนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า  "อานีไปอาบน้ำ เถิด >พ่อแม่ และ
น้องๆ กำลังรอละหมาดพร้อมกับเราข้าง นอก">>เขาบอกกับฉันแล้วยิ้ม พร้อมกับเพ่ง
มองมาที่ตัวฉัน ทำ เอาฉันต้องอาย >และหลุดคำพูดออกไปว่า  "ทะลึ่งจริงๆ เลยบัง
นิ">ในตอนที่ฉันยังอยู่ในห้องน้ำ ก็ยังได้ยินเสียงไอจาก เขาอยู่>>ใน ที่ละหมาด
ของบ้าน >คุณพ่อฉันขยั้นขยอ ให้เขาเป็นอีมามนำการละหมาดอีกต่อไป แม้>เขาจะบ่าย
เบี่ยง โดยอ้างถึงสุขภาพก็ตาม >แต่พ่อฉันก็ยืน กรานให้เขานำละหมาดให้ได้ สุด
ท้ายเขาก็ต้องยอมตามพ่อฉัน>>ใน ตอนละหมาด ซึ่งเป็นไปอย่างไม่ค่อยสมบูรณ์นัก 
เพราะเขายังไอไม่ หยุด >ทำให้การอ่านซูเราะห์ขาดหายไปบ้าง บางครั้งก็ต้อง เริ่ม
อ่านใหม่  >ฉัน เริ่มกังวลมากขึ้น>>ละหมาด เสร็จเขาอ่านดุอา ถึงแม้เสียงเขาตอน
นี้จะเบามาก แต่ฉันก็พอได้ยิน >ฉัน ดูหน้าเขาค่อนข้างจะซีด  ฉันถามถึง อาการของ
เขาอีกครั้ง  >แต่ เขาก็ยังยืนยันไม่ได้>เป็นอะไรมาก โดย อ้างถึงอากาศที่ค่อน
ข้างจะหนาวมากเมื่อคืนนี้>>คุณพ่อและ แม่ฉันก็ดูกังวลไม่ต่างกัน  >แม่ บอกให้
ฉันเอายาแก้ไอจากตู้ยาในบ้านมาให้เขา>>ฉันป้อนยา น้ำสำหรับแก้ไอให้เขา และให้
เขาดื่มน้ำตาม  เขากล่าวขอบ คุณ  >แล้วฉันก็บอกเขาให้เข้าห้องเพื่อพัก ผ่อน>>
แต่ก่อนที่เขาจะเอนกายนอน เขาพูดกับฉัน ว่า  "บังขอมาอัฟด้วยที่สร้างภาระให้กับ
อานี">"ทำไมบังพูด เช่นนั้น อานีไม่ได้ลำบากอะไรเลย แม้ซักนิดเดียว"  >ฉันตอบ
เขา>>เขา ตอบฉันว่า  "บังรู้ว่า >อานี ต้องลำบากใจไม่น้อยกับอาการของบังที่ต้อง
เป็น>อย่างนี้   ที่จริงแล้ว สำหรับวันแรกนี้ >บัง ต้องทำให้อานีมีความ
สุขมากกว่านี้   แต่เมื่อสุขภาพไม่เอื้ออำนวย >บัง ต้องขอโทษด้วย">>"ไม่เป็นไร
หรอกบัง อานีในฐานะภรรยา >อานีต้องพร้อมเสมอสำหรับทุกอย่างจาก บัง"  ฉันตอบ
เพื่อเอาใจ เขา >แม้ว่าในส่วนลึกของใจฉัน มีความ รู้สึกที่วิตกกังวลอย่าง> 
ยิ่ง>>เขาคงเห็นถึงความกังวลของฉัน เขาพูดว่า  "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น >บังคนนี้
รักอานี>เสมอ   อานีคือหนึ่งเดียวในใจบัง"  ฉันบอกเขาอีกว่า "นอนเถิด บัง >ไม่
ต้องกังวลถึงอา นีหรอก"  แล้วฉันก็ดึงผ้าเอามา>ห่ม ตัวเขา และก้มลงจูบที่หน้า
ผาก>>ฉันดูเขาทำท่าจะเหนื่อยเอามากๆ ก่อนที่เขาจะหลับ >ฉันได้ยินเขาพูดพึมพำไม่
ค่อยจะ>ได้ความนัก แต่ที่ชัดเจนก็คือ ให้ฉันมาอัฟให้กับ เขา>>ฉัน มองหน้าสามี
อย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก   ในตอนที่เขาหลับ >ในท่าที่สงบและเรียบ>ร้อย ฉัน
รู้สึกมีความสุขมากที่ได้มองไปยัง เขา  >หน้าตาของเขาอยู่ในขั้นดีมาก ๆ  ใบ
หน้าที่ผ่องใส >ทั้งหนวดและเคราถูกดูแลอย่างดี อารมณ์ของลูก ผู้หญิงเช่นฉัน 
บอก>กับ ฉันว่า ประทับใจจริงๆ และรู้สึกชอบเขามากๆ>>ก่อนที่จะลุกออกจากเตียง 
ฉันไม่ลืมที่จะดุอาอต่อ อัลเลาะห์ >ขอ ให้ชีวิตครอบครัว>ฉัน จงมั่นคง และ
ยั่งยืนตลอดชั่วชีวิต>>แต่ ตักดีรจากอัลเลาะห์ ไม่มีใครสามารถฝืนได้   กอฎอและ
กอดัรจากพระองค์ >คือสิ่ง>ที่ มนุษย์ทุกคนจะต้องยอมรับ ทั้งเกิด ตาย ริสกี ดี
และชั่ว >ของแต่ละบุคคล เป็น>สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วนับตั้งแต่เขาอยู่ในท้อง
ของ มารดา>>ฉัน ในฐานะบ่าวของพระองค์ที่อ่อนแอ >จะต้องยอมรับกับสิ่งที่ถูกกำหนด
ไว้แล้วนี้ ด้วยไจ ที่สงบ >และเต็มไปด้วยความภักดีต่ออัลเลาะ ห์ อย่างไม่คลอน
แคลน>>>ใน >ตอน ที่ฉันปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาเพื่อทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคนใน
ครอบ ครัว >หลาย>ครั้งที่ฉันเรียกชื่อเขา แต่เขาเงียบ ฉันจับและ เขย่าตัวเขา
เบาๆ ก็ไม่มี> ปฏิกิริยาใด ๆ ฉันเขย่าแรงขึ้น เขาก็เงียบ ฉันจับมือเขา เย็น 
เชียบ >จับชีพจร ก็>เงียบ>>"ม๊ะ"  ฉันเรียกแม่สุดเสียง แล้วฉันก็ร้องให้ >ด้วย
ใจที่รวดร้าวสุดที่จะควบคุมตน>เองไว้ได้>>ทุกคนเข้ามาในห้อง และมองไปยังเขา >
กับร่างกายที่วิญญาณถูกปลิดปลิวไป แล้ว>>ใครจะไปคาดคิดว่า วันแรกที่ฉันได้อยู่
กับสามีที่เพิ่งจะได้ รู้จัก  >จะเป็นวันสุด>ท้ายด้วย>>ฉันได้รู้จักเขาเพียง
เวลาไม่กี่ชั่วโมง  >แต่เขาได้จากฉันไปตลอดชีวิตแล้ว  มิน่า>ล่ะ เขาถึงได้ขอมา
อัฟจากฉันหลายครั้ง>"จง ซูโกรต่ออัลเลาะห์เถิดอานี เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ยังมี
เด็กคนนี้"   >แม่พูด>เพื่อปลอบใจฉัน ในวันนี้ วันที่ฉันคลอดลูกคน นี้ >ลูกของ
เขาที่ได้จากฉันเมื่อ หลาย>เดือนที่แล้ว วันนี้ทายาทจากสามี ฉันลืมตาดูโลกนี้>>
ฉันมองไปยังลูกชายของฉัน ที่หลับสนิทข้างกายฉัน.  >นี้แหละตักดีรจากอัลเลาะห์ 
แค่คืน แรก ทุกอย่างก็ลงเอยอย่างนี้   >แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ฉันจะ 
โอบ>อุ้ม ปกป้องและคุ้มครองเด็กน้อยคน นี้ เท่าชีวิตของฉัน >จะ ไม่มีสิ่งใดมา
ขวางกั้น>หรือ มาบั่นทอนรักที่ฉันมีให้ลูกนี้ ตราบเท่าจบสิ้นชีวิตดนยาของฉัน.>
โอ้ อัลเลาะห์ จงนำวิญญานเขาให้ได้อยู่คู่กับเหล่า ซอลีฮีน>โอ้ อัลเลาะห์ จงให้
ลูกชายฉันคน นี้ >เป็นเสมือนอัญมณีคู่กับทุกคนใน ครอบครัวฉัน ให้ความสุขกับฉัน 
และทุกคนใน>          & nbsp;        ครอบครัว>โอ้ อัลเลาะห์ จงให้ความรักและ
คุ้มครองต่อลูกฉัน นี้ >จงให้เหมือนกับพ่อเขา ที่>ภักดีต่อพระองค์เสมอ>โอ้ อัล
เลาะห์ จงให้ลูกฉันคนนี้ >จงเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อศาสนาของพระองค์ และ>ร่วม
อุทิศตัวเองเพื่อความสว่าง ไสว>           ของอิสลาม>>อามีน.
read more...